ททท.จับมือเอกชนดัน NFT หนุนการท่องเที่ยวยั่งยืน รับนโยบาย ZERO Landfill คาดได้เห็นในปีหน้า
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. 65 ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) กล่าวในงานแถลงข่าวเดินหน้าขับเคลื่อนอุตสาหกรรมท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ร่วมกับ บมจ. แอสเสท เวิรด์ คอร์ป (AWC) ว่า ททท. ต้องการที่จะยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวไทยให้เป็นการท่องเที่ยวยั่งยืน หรือ Sustainable Tourism มากขึ้น โดยจะมีการต่อยอดมาตรฐานความปลอดภัยด้านสาธารณสุข Amazing Thailand Safety & Health Administion หรือ มาตรฐาน SHA ไปสู่การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมและเศรษฐกิจชุมชนมากขึ้น ซึ่งอาจจะออกมาในรูปแบบของ SHA Green หรือ SHA S ที่มาจากคำว่า Susutainability ปัจจุบันอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งมาตรฐานดังกล่าวนี้จะครอบคลุมทั้งในเรื่องของการลดปริมาณการปล่อยคาร์บอน การจัดการน้ำ และการจัดการของเสีย ที่จะมีการวัดออกมาทั้งหมด ตรงนี้จะมีการทำงานร่วมกับภาคเอกชน ซึ่งอาจจะทำในรูปแบบ Sandbox ที่จะเริ่มทำในบางพื้นที่ก่อน และค่อยขยายผล โดยจะเปิดโอกาสให้กับทั้งผู้ประกอบการรายเล็กและรายใหญ่สามารถเข้าร่วมได้ “เราอยากเห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างยิ่งใหญ่ที่นำไปสู่เรื่องของความยั่งยืน โดย ททท. มองอยู่ 2 เรื่อง หนึ่ง คือ แนวคิดการท่องเที่ยวอย่างมีความรับผิดชอบ และการเปลี่ยนแปลงที่อยู่บนพื้นฐานของเทคโนโลยีที่เราปฏิเสธไม่ได้ สอง เป็นเรื่องของความสุข ความปลอดภัย ที่เกิดขึ้นจากการส่งมอบจากประสบการณ์ท่องเที่ยวที่มีคุณค่าจากการเดินทางท่องเที่ยวที่แตกต่าง เพราะในระยะต่อไป การท่องเที่ยวมันต้องเป็นการที่มาหาความหมายของอะไรบางอย่าง หรือ meaningful journey ไม่ใช่แค่มาเพื่อจะใช้ทรัพยากรและเกิดผลกระทบทางลบต่อสิ่งแวดล้อม หรือแม้กระทั่งเป็นการทำลายวิถีชีวิตของชุมชน ดังนั้นการที่จะเปลี่ยนแปลงไปถึงจุดนั้นได้ ต้องอาศัย Collaborative Network ความร่วมมือของทุกภาคส่วนเป็นตัวที่จะกำหนดความสำเร็จของความยั่งยืน” ผู้ว่าฯ ททท. กล่าว โดยแนวทางในการส่งเสริมการท่องเที่ยวของ ททท. หลังจากนี้จะมุ่งเน้นไปที่ การสร้างประสบการณ์ที่จะส่งผลไปสู่เรื่องของความยั่งยืน รวมถึง ททท. จะผลักดันเรื่องของ NFT ต่อ ที่อาจจะเป็นกิจกรรมให้เก็บโทเคนเพื่อการท่องเที่ยว ที่สามารถผนวกกับความยั่งยืนได้ ยกตัวอย่างเช่น หากนักท่องเที่ยวมีการเข้าพักโรงแรมที่ได้รับมาตรฐาน SHA ด้านความยั่งยืน หรือโรงแรมที่ได้รับรางวัลด้านความยั่งยืนจาก ททท. ซึ่งนอกจากจะได้รับความสุข และสัมผัสประสบการณ์ที่ดีแล้ว ยังจะได้รับโทเคนจาก ททท. ไปเก็บสะสมไว้ใน wallet และในอนาคตจะมีการต่อยอดการนำไปใช้ เช่น อาจจะนำไปแลกตั๋วคอนเสิร์ต รับประทานอาหารกับคนดังในโรงแรมหรู และประสบการณ์พิเศษที่ไม่มีที่ไหนมาก่อน ทั้งหมดนี้เป็นคอนเซปต์ของ Experience to earn ที่ ททท. ได้เตรียมการไว้ และหลังจากนี้จะให้ความสำคัญเป็นพิเศษที่นอกเหนือจากนโยบายการกระตุ้นการท่องเที่ยวทั่วไป ซึ่งคาดว่าภายในปีหน้าจะได้เห็นเป็นรูปธรรมอย่างแน่นอน
ด้านAWC ตอบรับนโยบาย ททท. วัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) หรือ AWC เปิดเผยว่า “AWC ตระหนักถึงความสำคัญของการท่องเที่ยวยั่งยืน และยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมผนึกกำลังกับ ททท. และพันธมิตรตลอดห่วงโซ่คุณค่าเพื่อขับเคลื่อนการท่องเที่ยวยั่งยืน ยกระดับประเทศไทยให้เป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก และ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” ให้กับประเทศไทย ซึ่งทาง AWC ร่วมกับพันธมิตรทุกภาคส่วนและเครือโรงแรมระดับโลกพร้อมตั้งเป้านำกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการในเครือทั้งหมดผ่านการรับรองมาตรฐาน “SHA” ด้านส่งเสริมท่องเที่ยวยั่งยืนของ ททท. รวมไปถึงเป้าหมายผลักดันความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutral) และไม่มีขยะฝังกลบจากการดำเนินงาน (ZERO Landfill) ภายในปี 2573” ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร AWC กล่าวทิ้งท้าย.
