ตลาด Memecoin ที่ครั้งหนึ่งเคยเป็นขุมทรัพย์แห่งความมั่งคั่งกำลังเผชิญหน้ากับความจริงอันโหดร้าย เมื่อ BeInCrypto รายงานบทวิเคราะห์สุดช็อก โดยผู้เชี่ยวชาญคาดการณ์ว่าเหรียญมีมที่มีมูลค่าตลาดรวมกว่า 7.6 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ประมาณ 240,000 ล้านบาท) เกือบทั้งหมด หรือคิดเป็น 99% กำลังจะ “หายไปจากตลาด” ภายในปี 2025 เนื่องจากการมาถึงของ Crypto Winter ที่กำลังจะสั่นสะเทือนอุตสาหกรรม การคาดการณ์ครั้งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อนักลงทุนรายย่อยที่ไล่ตามกระแสและโปรเจกต์ขนาดเล็กที่ไร้มูลค่าพื้นฐานที่แท้จริง

ความกังวลนี้ไม่ได้มาจากการเก็งกำไร แต่มาจากการวิเคราะห์เชิงโครงสร้างของตลาดคริปโตที่กำลังเข้าสู่ภาวะหดตัวรุนแรงอีกครั้ง เหตุการณ์ดังกล่าวถูกจุดประกายด้วยกระแสการเทขายในตลาดวงกว้าง และความตื่นตระหนกที่เกิดจากข่าวเชิงลบของหน่วยงานกำกับดูแล โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังการพังทลายของแพลตฟอร์มสำคัญหลายแห่งในช่วงที่ผ่านมา ส่งผลให้ผู้เล่นรายใหญ่และกองทุนต่าง ๆ เริ่มถอนตัวจากสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงสูงอย่าง Memecoin ที่เน้นกระแสสังคมเป็นหลัก และขาด Use Case หรือประโยชน์ใช้สอยที่ชัดเจน ซึ่งแตกต่างจากสินทรัพย์หลักอย่าง Bitcoin (BTC) และ Ethereum (ETH) ที่ยังคงมีเครือข่ายที่แข็งแกร่งและได้รับการยอมรับเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

Simon Couch นักวิเคราะห์จาก BeInCrypto ได้ให้ข้อสังเกตอย่างตรงไปตรงมาว่า “ตลาดหมีครั้งนี้จะทำหน้าที่เป็นเครื่องมือ ‘คัดกรองตามธรรมชาติ’ ซึ่งจะกำจัดเหรียญที่ไม่มีความยั่งยืนออกไป” โดยเขามองว่าตลาดคริปโตในปัจจุบันเต็มไปด้วย “Dead Coins” หรือเหรียญที่ตายแล้ว และ Memecoin จำนวนมากจะตามไปสมทบในสุสานดิจิทัลนั้น เพราะพวกมันเป็นเพียงการทดลองทางสังคมที่ขาดนวัตกรรมที่แท้จริง Couch เน้นย้ำว่า แม้แต่เหรียญมีมขนาดใหญ่อย่าง Dogecoin (DOGE) และ Shiba Inu (SHIB) ก็มีความเสี่ยงสูงที่จะสูญเสียมูลค่าตลาดส่วนใหญ่ไป หากไม่สามารถพัฒนาประโยชน์ใช้สอยที่จับต้องได้ หรือสร้างชุมชนที่เข้มแข็งอย่างยั่งยืนได้จริง การลงทุนใน Memecoin จึงไม่ใช่การลงทุน แต่เป็นการ ‘พนัน’ ที่มีอัตราความสำเร็จต่ำมาก

การล่มสลายของ Memecoin เกือบทั้งหมดจะส่งผลกระทบเชิงระบบอย่างรุนแรงต่อภาพรวมของตลาด Altcoin และ Ecosystem โดยรวม สิ่งนี้จะนำไปสู่การ “จัดระเบียบตลาด” ครั้งใหญ่ โดยนักลงทุนจะหันไปเน้นที่โปรเจกต์ที่มีพื้นฐานด้านเทคโนโลยีที่ชัดเจน เช่น DeFi, Layer-2, และ AI-Crypto แทน ซึ่งจะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนสถาบันและผู้เล่นกระแสหลักมากขึ้น ในขณะเดียวกัน การหายไปของเหรียญที่เน้นการปั่นราคา จะช่วยลดปริมาณ “Noise” และความผันผวนที่ไร้เหตุผลในตลาด ทำให้ภูมิทัศน์ของคริปโตเคอร์เรนซีในระยะยาวมีความเป็นผู้ใหญ่และมั่นคงยิ่งขึ้น แต่นักลงทุนรายย่อยที่เพิ่งเข้ามาในช่วงฟองสบู่จะต้องเผชิญกับการขาดทุนครั้งใหญ่และอาจออกจากตลาดไปอย่างถาวร