SCB Financial Markets (SCB FM) ประเมินว่าเงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าขึ้นในระยะกลางและยาว โดยคาดว่ากรอบค่าเงินบาทในช่วงปลายปีจะอยู่ที่ 32.00-32.50 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ แม้ว่าในระยะสั้นจะเผชิญกับความผันผวนและอาจมีการอ่อนค่าเล็กน้อย (Correction) ภายในเดือนหน้า สาเหตุหลักที่สนับสนุนการแข็งค่าของเงินบาทมาจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ลดดอกเบี้ย ซึ่งส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่า รวมถึงมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจขนาดใหญ่ของจีนที่ช่วยดันให้เงินหยวนและเงินบาทแข็งค่าขึ้น

ในช่วงเดือนที่ผ่านมา เงินบาทแข็งค่าขึ้นถึงเกือบ 5% ซึ่งเป็นอัตราที่มากที่สุดในภูมิภาค สาเหตุหลักมาจากการปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ Fed และการเพิ่มความเชื่อมั่นในตลาด (Risk-on Sentiment) นอกจากนี้ ราคาทองคำที่ปรับตัวสูงขึ้นและมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของจีนก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญที่ส่งผลให้เงินบาทแข็งค่าเร็วขึ้น

อย่างไรก็ตาม SCB FM เตือนว่าในระยะสั้น เงินบาทยังคงผันผวนสูง โดยมีปัจจัยจากทั้งนโยบายการเงินของ Fed สงครามในตะวันออกกลาง และโอกาสที่คณะกรรมการนโยบายการเงินของไทย (กนง.) อาจลดดอกเบี้ยในปลายปี ซึ่งอาจทำให้ค่าเงินบาทเคลื่อนไหวในกรอบ 32.45-32.95 บาทต่อดอลลาร์ ในขณะที่การเลือกตั้งสหรัฐฯ ก็เป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่อาจทำให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง ส่งผลให้เงินบาทมีแนวโน้มแข็งค่าต่อเนื่องในระยะยาว

ในขณะเดียวกัน กลุ่มธุรกิจในไทยยังคงมีความกังวลต่อการแข็งค่าของเงินบาทที่เร็วเกินไป โดยกลุ่มคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) เรียกร้องให้ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ดำเนินการเพื่อควบคุมการแข็งค่าของเงินบาทไม่ให้เกินระดับ 34.00-34.50 บาทต่อดอลลาร์ เพื่อรักษาความสามารถในการแข่งขันของธุรกิจไทย พร้อมทั้งเสนอให้ปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลงอย่างน้อย 0.25% ในปีนี้