จาก CEO Bitkub ถึงว่าที่รัฐบาลใหม่ สิ่งที่สำคัญ คือ ต้องเข้าใจเศรษฐกิจดิจิทัล และ Green Economy
นายจิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ผู้ก่อตั้งและประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บิทคับ แคปปิตอล กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด กล่าวถึงรัฐบาลใหม่ว่า ปี 2024 จะเป็นช่วงเวลาที่สำคัญที่สุดของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่เม็ดเงินลงทุนจากทั่วโลกจะหลั่งไหลเข้ามามากที่สุด เพราะนักลงทุนต่างชาติให้ความสนใจตลาดฝั่งเอเชียเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นประเทศไทยเองจะต้องเตรียมตัวให้พร้อม ซึ่งประกอบไปด้วย 3 ด้านด้วยกัน ได้แก่ หนึ่ง ทุนมนุษย์ (Human Capital) ต้องเตรียมกำลังคนที่มีความสามารถให้พร้อม พัฒนาสกิลเซตที่สอดคล้องกับทิศทางของโลกกับเทคโนโลยีใหม่ล่าสุด สอง นโยบายที่สอดคล้องกับทิศทางเดียวกับโลก และสาม ความมั่นคง (Consistency) แม้จะมีการเปลี่ยนขั้วรัฐบาล แต่นโยบายต้องมีความต่อเนื่อง รวมถึงรัฐบาลต้องมีเสถียรภาพ
“ผมมองว่า 2 กระทรวงที่สำคัญที่สุดในประเทศไทยที่จะมีบทบาทมากๆ เลยก็คือ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ทั้งสองกระทรวงนี้ต้องเป็นกระทรวงเกรดเอได้แล้ว ต้องสร้างโอกาส SME ไทย ให้มีทิศทางสอดคล้องกับโลกอนาคต มีโรดแม็ปให้ชัด และสำคัญสุด คือ ลงมือทำ ต่อให้แผนดีขนาดไหน แต่ทำไม่ได้ก็ไม่มีประโยชน์ คิดเก่ง คิดให้ครบทุกด้าน ต้องเข้าใจบริบทประเทศเรา เพราะแต่ละประเทศจะมีคาแรกเตอร์ของมัน มันไม่ใช่ Apply สูตรเดียวกันหมดทั้งหมด ต้องหาวิธีลงมือทำอย่างไร ที่สามารถเปลี่ยนจากกลยุทธ์ให้เป็นความจริงให้ได้”
สินทรัพย์ดิจิทัลเป็นหนึ่งใน Subset ของสิ่งที่เรียกว่า การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 ซึ่งเป็นยุคสมัยที่จะนำหน้าด้วยเทคโนโลยีหลายๆ อย่าง ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นตัวขับเคลื่อนเศรษฐกิจโลกอนาคตทั้งสิ้น ที่ผ่านมาทั่วโลกได้ให้ความสำคัญกับสินทรัพย์ดิจิทัลมาแล้วสักระยะ เพราะตอนนี้เรากำลังจะถึงจุดเปลี่ยนของอุตสาหกรรมการเงิน ดิจิทัลดอลลาร์ก็กำลังจะออกมา ส่วนดิจิทัลหยวนก็ใช้มาแล้วหลายปี ส่วนบาทดิจิทัล ก็มีการศึกษากันมาตั้งแต่ปี 2017 เราเห็นหลายอุตสาหกรรมเริ่มมีการทำ Asset Tokenization ที่กระจายโอกาสการลงทุนให้ทุกคนเข้าถึงอย่างเท่าเทียม ดังนั้นจำเป็นอย่างมากที่ประเทศไทยจะต้องมีผู้นำที่เข้าใจทิศทางโลก เพราะจะได้วางตำแหน่งได้ถูกจุดเพื่อที่จะตักตวงโอกาสเข้าประเทศให้ได้มากที่สุด
จริงๆ ประเทศไทยมีคนเก่งเยอะ แต่ขาดโอกาส เพราะฉะนั้นรัฐบาลชุดใหม่จะต้องให้โอกาสในหลายๆ ด้าน สำคัญเลยคือ การศึกษาที่จะช่วยพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ให้มีทักษะสอดคล้องกับโลกอนาคต อีกทั้งยังต้องให้โอกาสในด้านเงินทุนด้วย เพราะความไม่เท่าเทียมในประเทศนี้มันสูง ทำอย่างไรที่ให้คนที่ไม่ได้เกิดมาแล้วมีช้อนทองป้อนเข้าปากเขาได้มีเงินทุนเพื่อที่จะเปลี่ยนไอเดียมาเป็นธุรกิจได้ นอกจากนี้รัฐบาลจะต้องช่วยสนับสนุนในด้านภาษีที่จะจูงใจให้คนเก่งที่ซ่อนตัวในบริษัทใหญ่กล้าที่จะออกมาเปิดบริษัทของตัวเอง ออกมาเป็นผู้ประกอบการกันมากขึ้น และที่สำคัญนอกจากสนันบสนุนคนไทยแล้ว จะต้องมีการวางนโยบายให้ดึงคนเก่งเข้าประเทศให้มากขึ้น เพื่อให้คนไทยได้เรียนรู้เช่นกัน จิรายุส กล่าวทิ้งท้าย