ราคา Bitcoin พุ่งแตะระดับ $109,000 ในวันที่ 2 กรกฎาคมที่ผ่านมา เพิ่มขึ้นเกือบ 3% ภายใน 24 ชั่วโมง และขยับเข้าใกล้ระดับ all-time high เดิมที่ $111,970 ซึ่งเกิดขึ้นในเดือนพฤษภาคม โดยการพุ่งขึ้นรอบนี้ได้รับแรงหนุนจากการไหลเข้าของเงินทุนขนาดใหญ่ ปริมาณการซื้อขายที่พุ่งแรง และปัจจัยเชิงมหภาคทั้งในตลาดการเงินและการเมืองโลก

หนึ่งในแรงขับเคลื่อนสำคัญคือ เม็ดเงินลงทุนจากกองทุน ETF และนักลงทุนสถาบัน โดยข้อมูลระบุว่าในไตรมาส 2 ที่ผ่านมา นักลงทุนสถาบันได้สะสม Bitcoin รวมกันกว่า 245,000 BTC ซึ่งหลายส่วนมาจากบริษัทมหาชนที่ไม่ได้อยู่ภายใต้ MicroStrategy อีกต่อไป นอกจากนี้ ธนาคาร Standard Chartered ก็ยังคงคาดการณ์เป้าหมายราคา BTC ไว้ที่ $135,000 ภายในไตรมาส 3 และอาจไปถึง $200,000 ภายในสิ้นปี

ความเชื่อมั่นในสินทรัพย์ดิจิทัลยังได้รับแรงเสริมจากการเปิดตัวของ ETF ใหม่อย่าง REX-Osprey Solana + Staking ETF ที่ทำยอดซื้อขายทะลุ $20 ล้านภายในวันแรกของการเปิดตัว โดยนักวิเคราะห์มองว่า ความสำเร็จของ altcoin ETF กลุ่มนี้ช่วยเสริมภาพลักษณ์ของ Bitcoin ในฐานะ “สินทรัพย์หลัก” ของตลาดคริปโต

อีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่กระตุ้นความเชื่อมั่นของนักลงทุนคือข่าวการเจรจาการค้าระหว่าง อดีตประธานาธิบดี Donald Trump และเวียดนาม ซึ่งรวมถึงมาตรการภาษีนำเข้าใหม่และการเปิดตลาดให้กับสินค้าสหรัฐฯ ท่ามกลางกระแสเศรษฐกิจโลกที่เปลี่ยนแปลง Bitcoin ซึ่งมักถูกจัดอยู่ในกลุ่มสินทรัพย์เสี่ยง (risk-on) ก็ได้อานิสงส์จากแรงซื้อที่เกิดขึ้นพร้อมกับการฟื้นตัวของดัชนี Nasdaq

การรวมตัวของปัจจัยต่าง ๆ ทั้งฝั่งตลาดทุน ฝั่งนโยบาย และการเคลื่อนไหวทางการเมือง กำลังสร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหม่ให้กับตลาดคริปโต โดยเฉพาะ Bitcoin ซึ่งอาจกำลังเดินหน้าสู่การทำ นิวไฮ รอบใหม่ในช่วงครึ่งหลังของปีนี้