BitMine เร่งเครื่อง! เก็บ 3.86M ETH ยึด 3% ของซัพพลาย พร้อมเป้าใหม่—คุม 5% ของซัพพลาย

BitMine สร้างแรงสั่นสะเทือนครั้งใหญ่ให้กับอุตสาหกรรมคริปโต หลังเปิดเผยว่าบริษัทได้สะสม Ethereum สูงถึง 3.86 ล้าน ETH หรือประมาณ 3% ของซัพพลายทั้งหมด พร้อมตั้งเป้าขึ้นเป็นยักษ์ใหญ่ที่ถือครอง 5% ของ Ethereum ทั้งระบบ ในเวลาอันใกล้
ในวันจันทร์ที่ 8 ธันวาคมที่ผ่านมา BitMine Immersion Technologies ใช้เวทีประกาศผลประกอบการประจำปี 2025 เพื่อเปิดเผยหมุดหมายสำคัญของบริษัท นั่นคือการถือครอง Ethereum แตะระดับ 3.86 ล้าน ETH หลังจากปรับยุทธศาสตร์ครั้งใหญ่จากธุรกิจ Bitcoin Mining มาสู่โมเดล Ethereum Treasury อย่างเต็มตัว การเปลี่ยนทิศนี้เกิดขึ้นเพียงหนึ่งปีหลังจากที่บริษัทแทบไม่ถือ ETH เลย แต่ภายในเวลาเพียงห้าเดือน BitMine กลายเป็นสถาบันที่ถือครอง Ethereum มากที่สุดในโลก แซงหน้าคู่แข่งและดึงความสนใจจากทั้งนักลงทุนสถาบันและตลาดคริปโตวงกว้างทันที
Tom Lee ประธานบริษัท ระบุอย่างตรงไปตรงมาว่าเป้าหมายต่อไปคือการควบคุมให้ได้มากกว่า 5% ของซัพพลาย ETH ทั้งระบบ โดยชี้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในปีนี้เป็นเพียง “ก้าวแรกของยุทธศาสตร์ระยะยาว” เท่านั้น เขากล่าวว่า “การที่ BitMine กลายเป็นผู้ถือ Ethereum ที่ใหญ่ที่สุดในโลกภายในห้าเดือน เป็นหลักฐานว่ากลยุทธ์ของเราถูกต้อง และเรายังเดินได้อีกไกลกว่านี้” ความมั่นใจนี้ไม่ได้เกิดจากการสะสมเหรียญเพียงอย่างเดียว แต่รวมถึงสถาปัตยกรรม Eth-staking แบบ Custom ที่บริษัทลงทุนอย่างหนักเพื่อสร้างผลตอบแทนที่เหนือกว่าตลาดแบบดั้งเดิม
หนึ่งในแกนยุทธศาสตร์สำคัญคือการสร้างโมเดลรายได้จาก Ethereum ที่แตกต่างจากผู้เล่นรายอื่น BitMine ระบุว่าระบบ staking ที่ออกแบบเองจะสามารถสร้างรายได้สูงถึง 1.3 ล้านดอลลาร์ต่อวัน หรือราว 91 ล้านบาทต่อวัน เมื่อเริ่มทำงานเต็มประสิทธิภาพ นอกจากนี้ยังเตรียมเปิดตัว BitMine Labs เพื่อเป็น Venture Studio ที่เน้นลงทุนในโครงการ “moonshot” บน Ethereum ecosystem ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าบริษัทไม่ได้พอใจกับการถือครองแบบ Passive แต่ต้องการเป็นผู้ขับเคลื่อนนวัตกรรมในระบบนิเวศ Ethereum โดยตรง
ผลกระทบในระดับอุตสาหกรรมอาจมีมากกว่าการสะสมเหรียญของบริษัทเดียว การที่ BitMine ตั้งเป้าควบคุมถึง 5% ของซัพพลาย ETH อาจทำให้รูปแบบการกระจายความเป็นเจ้าของของเหรียญเปลี่ยนไป และอาจนำไปสู่การแข่งขันครั้งใหม่ระหว่างบริษัทด้านดิจิทัลแอสเซตทั่วโลก ลักษณะเช่นนี้คล้ายกับยุคที่ MicroStrategy เริ่มสะสม Bitcoin และลากทั้งตลาดเข้าสู่ระยะ Institutional Accumulation ใหม่ ซึ่งคราวนี้อาจเกิดขึ้นกับ Ethereum แบบสมบูรณ์ในปี 2025 เป็นต้นไป









