BlackRock บุกพบ SEC เปิดศึก Staking และ Tokenization ทำไมวงการ Crypto ถึงจับตามอง?

BlackRock บุกพบ SEC เปิดศึก Staking และ Tokenization ทำไมวงการ Crypto ถึงจับตามอง?

ข่าวสาร
May 12, 2025 by cryptocamping
Frame 1124 - 2025-05-12T113938.107

ในช่วงที่ตลาด Crypto กำลังร้อนแรง BlackRock ยักษ์ใหญ่ด้านการลงทุนระดับโลกได้เข้าพบ SEC Crypto Task Force เพื่อหารือถึงโอกาสในการนำ staking เข้าไปอยู่ใน ETPs รวมถึงประเด็น tokenization สำหรับหลักทรัพย์ทั่วไป การประชุมครั้งนี้อาจเป็นตัวเร่งสำคัญให้วงการการเงินแบบเดิมผสานเข้ากับ blockchain ในระดับกระแสหลักได้เร็วยิ่งขึ้น

ในการประชุมเมื่อวันที่ 9 พฤษภาคมที่ผ่านมา BlackRock แสดงจุดยืนชัดเจนว่าต้องการผลักดัน staking ลงใน ETFs เพื่อเปิดโอกาสให้นักลงทุนได้รับผลตอบแทนเพิ่มเติมจากการล็อกโทเคนบน proof-of-stake networks อย่าง Ethereum และ Solana ปัจจุบัน New York Stock Exchange เองก็เคยเสนอการอนุญาต staking services สำหรับกองทุน Grayscale’s spot Ether ETFs อีกด้วย แม้ SEC จะยังไม่ไฟเขียวเต็มรูปแบบ แต่หากการอนุมัติเกิดขึ้น กองทุน staking-enabled ETFs บนเครือข่ายอื่น ๆ เช่น Solana น่าจะตามมาในไม่ช้า

3 ข้อสังเกตสำคัญ 1.Staking ช่วยเพิ่มผลตอบแทนและเป็นโปรเจกต์หลักสำหรับ Proof-of-Stake blockchains 2.NY Stock Exchange เล็งเปิดช่องทางอนุญาต staking services สำหรับ ETFs 3.การตัดสินใจของ SEC อาจจุดประกายให้เกิด staking-enabled ETFs เพิ่มมากขึ้น

Tokenization: พลิกโฉมตลาดหลักทรัพย์ด้วย Blockchain นอกจาก staking แล้ว Wu BlackRock ยังได้ตั้งคำถามถึงโอกาสในการนำ tokenization มาใช้กับหลักทรัพย์แบบดั้งเดิม เช่น หุ้น พันธบัตร และกองทุนหมวดหมู่ต่าง ๆ เพื่อเพิ่มสภาพคล่อง ให้มีการเทรดได้ตลอด 24/7 และลดต้นทุนในการดำเนินธุรกรรม ทั้งนี้ BlackRock เองก็ไม่ใช่หน้าใหม่ในด้านสินทรัพย์ดิจิทัล พวกเขามีโครงการ BUIDL ที่มาร์เก็ตแคปสูงถึง 2.9 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในขณะที่คู่แข่งอย่าง Franklin Templeton ก็วางหมากผ่านกองทุน BENJI ส่วน Robinhood เองก็น่าจับตา หลังมีข่าวเตรียมพัฒนา blockchain ของตัวเองในยุโรป

เฝ้าจับตาอนาคตของ Bitcoin ETF และตลาดทองคำ ในอีกด้านหนึ่ง BlackRock’s spot Bitcoin ETF (IBIT) ตั้งแต่ต้นปี 2025 มีเงินทุนไหลเข้า (net inflows) แล้วกว่า 6.96 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ แซงหน้า SPDR Gold Trust (GLD) ที่มี 6.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ และตกลงไปอยู่อันดับ 7 ของกองทุนที่มีเงินไหลเข้าสูงสุด แม้ราคาบิตคอยน์จะย่อตัวลงกว่า 10% จากจุดพีกในเดือนมกราคม แต่นักลงทุนจำนวนมากยังคงเชื่อมั่นในระยะยาว ขณะเดียวกัน ราคาทองคำเพิ่มขึ้นเกิน 3,000 ดอลลาร์สหรัฐในปีนี้ ท่ามกลางความกังวลด้านเงินเฟ้อ ความตึงเครียดทางการค้า และความไม่แน่นอนทางภูมิรัฐศาสตร์ ผู้เชี่ยวชาญอย่าง Eric Balchunas จาก Bloomberg มองว่าการไหลเข้าสู่ IBIT ถือเป็นสัญญาณดีในระยะยาว และอาจทำให้บิตคอยน์ ETFs ถือครองมูลค่ามากกว่ากองทุนทองคำถึงสามเท่าในอนาคต

ข้อสรุปและมุมมองต่อไป นาทีนี้ SEC ยังไม่เคยอนุมัติ staking functionality สำหรับกองทุนไหนในสหรัฐฯ แต่อย่างในยุโรปหรือแคนาดาบางกองก็ทำสำเร็จไปแล้ว ส่วนในสหรัฐฯ ยังมีอีกกว่า 70 กองทุน crypto ETF ที่อยู่ระหว่างรอการตัดสินใจ หาก BlackRock หรือผู้เล่นรายใหญ่สามารถเคลียร์ระเบียบกับ SEC ได้สำเร็จ เราอาจเห็น staking เป็นฟีเจอร์มาตรฐานสำหรับ ETFs ในอนาคต พร้อมกับเทรนด์ tokenized securities ที่จะเปิดตลาดให้เทรดได้ 24/7 ลงทุนเร็วขึ้น และลดต้นทุนโอนย้าย

Call to Action: สำหรับใครที่อยู่ในวงการ DeFi เทรด NFT หรือสนใจลงทุนใน ETFs ที่เกี่ยวข้องกับ crypto ควรจับตามองแนวทางของ SEC ในเร็ว ๆ นี้ เพราะนี่อาจเป็นหมุดหมายสำคัญในการผลักดันให้ blockchain กลายเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางการเงินหลักอย่างแท้จริง