Chainlink กำลังพลิกเกมการเงินโลก ด้วยการรุกคืบเข้าสู่ตลาด “สินทรัพย์ดิจิทัล” หรือ Tokenization ที่มีมูลค่าสูงถึง 260 ล้านล้านดอลลาร์ ทั่วโลก ด้วยพันธมิตรระดับโลกอย่าง UBS, Swift, และ ADGM ที่เชื่อมั่นในเทคโนโลยีของ Chainlink ในการเชื่อมต่อระบบการเงินเก่าเข้ากับโลกบล็อกเชน ผ่านโครงสร้างที่เรียกว่า CCIP (Cross-Chain Interoperability Protocol)

ไฮไลต์สำคัญคือ โครงการ Project Guardian ที่สิงคโปร์ โดย UBS และ Swift ได้ทดลองนำกองทุนแบบ tokenized มาทำธุรกรรมจริงผ่านบล็อกเชน และสามารถเชื่อมโยงกับระบบการเงินดั้งเดิมได้อย่างไร้รอยต่อ ลดทั้งเวลาและต้นทุนอย่างมีนัยสำคัญ — นี่คือสัญญาณว่า “โลกเก่า” เริ่มเปิดประตูรับเทคโนโลยีใหม่อย่างจริงจัง

ด้าน Abu Dhabi Global Market (ADGM) ก็ประกาศความร่วมมือกับ Chainlink เพื่อจัดตั้งกรอบกำกับดูแลการ tokenization ระดับสถาบัน ซึ่งจะช่วยให้บรรดาธนาคาร บริษัทจัดการกองทุน และนักลงทุนองค์กรเข้าร่วมในระบบสินทรัพย์ดิจิทัลได้โดยไม่ต้องกังวลเรื่องข้อกฎหมายและความเสี่ยง

สิ่งที่เกิดขึ้นเหล่านี้จุดชนวน Network Effect อย่างชัดเจน — เมื่อสถาบันเริ่มใช้จริง และระบบเริ่มแสดงศักยภาพ ตลาดอื่นๆ ก็พร้อมเดินตาม ส่งผลให้ระบบนิเวศของ Chainlink ขยายตัวรวดเร็ว ทั้งในแง่การนำไปใช้ การ staking และการเติบโตของ NFT และ DeFi บนโครงสร้างพื้นฐานของ Chainlink เอง

นักวิเคราะห์ยังจับตาราคาของเหรียญ LINK ที่กำลังเคลื่อนไหวใกล้แนวต้านสำคัญ หากทะลุระดับ $13.18 ได้สำเร็จ มีโอกาสพุ่งต่อถึง $26–$30 ซึ่งเป็นระดับราคาสูงสุดในรอบปี พร้อมแรงหนุนจากปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบหลายปี