เจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เปิดเผยว่า คณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) จะไม่รีบลดอัตราดอกเบี้ย แม้ว่าจะมีความไม่แน่นอนเกี่ยวกับเงินเฟ้อ โดยระบุว่านโยบายทางการเงินยังคงแข็งแกร่งและ Fed จะติดตามตัวชี้วัดเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด ทั้งนี้ พาวเวลล์ยังกล่าวถึงผลกระทบจากสงครามภาษีของอดีตประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ ที่ทำให้ราคาสินค้าสูงขึ้น แต่ยังไม่ส่งผลกระทบต่อภาคบริการ

นอกจากนี้ Fed ได้เริ่มมาตรการ Quantitative Easing (QE) โดยลดเพดานการไถ่ถอนพันธบัตรรัฐบาลรายเดือนจาก $25,000 ล้าน เหลือ $5,000 ล้าน เพื่อรักษาสภาพคล่องของตลาด พาวเวลล์ยังส่งสัญญาณว่า อาจมีการลดอัตราดอกเบี้ย 2 ครั้งก่อนสิ้นปีนี้ ซึ่งเป็นปัจจัยที่ตลาดจับตาอย่างใกล้ชิด

ขณะเดียวกัน ตลาดคริปโตได้รับแรงหนุนจากการที่ Ripple ปิดคดีความกับ U.S. Securities and Exchange Commission (SEC) ซึ่งช่วยเพิ่มความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุน ส่งผลให้ราคา Bitcoin พุ่งขึ้น 4.30% และเหรียญ Altcoins อย่าง Ethereum, XRP และ Solana ต่างปรับตัวขึ้นในช่วงเวลาเดียวกัน

นักวิเคราะห์จาก Bitwise ชี้ว่า Bitcoin มักทำผลงานได้แย่ในช่วงที่ S&P 500 ปรับตัวลดลง แต่หลังจากนั้นมีแนวโน้มจะพุ่งขึ้นโดยเฉลี่ย 190% ในรูปแบบที่เรียกว่า “dip then rip” ขณะที่ Bernstein คาดว่า Bitcoin อาจแตะ $200,000 ภายในสิ้นปี 2025 อย่างไรก็ตาม หากเศรษฐกิจยังเผชิญความไม่แน่นอนจากปัจจัยมหภาคและผลกระทบจากนโยบายของทรัมป์ อาจทำให้รอบขาขึ้นของ Bitcoin ยืดออกไปถึงปี 2026

แม้ตลาดยังมีความไม่แน่นอน แต่แรงหนุนจากนโยบายของ Fed และการฟื้นตัวของตลาดคริปโตอาจช่วยสร้างโมเมนตัมในระยะสั้น นักวิเคราะห์มองว่าแม้จะมีความกังวลด้านเศรษฐกิจมหภาคและสงครามภาษี แต่แนวโน้มขาขึ้นของ Bitcoin และตลาดการเงินโดยรวมยังคงอยู่ในช่วงเริ่มต้น