นายศรัทธา จันทรเศรษฐเลิศ อดีตประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายการเงิน บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ STARK ออกมาเปิดเผยว่า ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้ทำหนังสือไปถึง DSI พร้อมทั้งได้เดินทางเข้าพบก.ล.ต. ได้ยอมรับเรื่องการตกแต่งบัญชีที่เกิดขึ้น แต่ไม่ใช่เป็นการไซฟ่อนเงิน

ซึ่งดำเนินการภายใต้คำสั่งจาก นายชนินทร์ เย็นสุดใจ อดีตประธานกรรมการ บริษัท STARK และนายวนรัชต์ ตั้งคารวคุณ ผู้ถือหุ้นใหญ่ของ STARK ซึ่งผู้ได้รับผลประโยชน์คือนายวนรัชต์ โดยได้ประโยชน์ในเรื่อง ของราคาหุ้น STARK ที่เพิ่มขึ้นจากการขายหุ้นในช่วงที่ผ่านมา ส่วนเงินที่ได้จากการเพิ่มทุนจำนวน 5,580 ล้านบาท ได้มีการนำ ไปจ่ายหนี้และจ่ายดอกเบี้ยให้กับธนาคารที่บริษัทกู้เงินมาหมด แล้ว ซึ่งก็ไม่ได้เป็นการทุจริต แต่เป็นการแต่งบัญชี โดยนายชนินทร์มีความต้องการปั่นราคาหุ้น STARK ให้ไปถึง 5 บาทต่อหุ้น โดยมองว่าการสร้างราคาหุ้นไม่ใช่การไซฟ่อนเงิน เมื่อราคาหุ้นขึ้นโอกาสที่หุ้นจะขยับขึ้นจาก SET100 ไปสู่ SET50

และได้ยอมรับว่าเป็นผู้กระทำการตกแต่งบัญชีบริษัท เฟ้ลปส์ ดอด์จ อินเตอร์เนชั่นแนล (ไทยแลนด์) จำกัด ตั้งแต่เข้ามาปฏิบัติการในช่วงปี 2558 เพื่อสร้างมูลค่าเทียมและเตรียมความพร้อมในการเข้าจดทะเบียนในตลาดเหลักทรัพย์ฯ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม

และเมื่อวันที่ 4 ก.ค. 66 ที่กองบังคับการตำรวจปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ (บก.ปอศ.) ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มผู้เสียหายกรณีลงทุนหุ้นกู้กับ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ราว 30 คน พร้อมเอกสาร ได้มายื่นหนังสือถึง พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. เพื่อร้องทุกข์กล่าวโทษต่อ บริษัท สตาร์ค คอร์เปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) ตัวแทนผู้เสียหาย กล่าวว่า ก่อนหน้านี้ได้มีหนังสือชี้ชวนให้ร่วมลงทุนหุ้นกู้ของ บริษัท สตาร์คฯ เมื่อพิจารณาจากหนังสือชี้ชวนลงทุนแล้วพบว่ามีกำไรปีละ 2,000 กว่าล้านบาท พวกตนจึงร่วมลงทุนแต่ต่อมาบริษัทได้มีงบขาดทุนสะสมเป็นเงินกว่า 10,000 ล้านบาท เนื่องจากมีการตบแต่งบัญชีไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ทำให้พวกตนได้รับความเสียหายเป็นมูลค่ากว่า 9,000 ล้านบาท จึงรวมตัวกันมาเพื่อแจ้งความดำเนินคดีเอาผิดกับกรรมการบริษัทผู้บริหารทั้งชุดเก่าและชุดใหม่เพื่อขอให้ตำรวจช่วยทวงเงินให้กับพวกเราและเอาผู้กระทำความผิดมาลงโทษ