ท๊อป จิรายุสชี้ภาพ web 3.0 เกิดขึ้นหลัง 2020 – 2030 จะเป็น AI ที่รู้จักเราดีกว่าที่เรา และการโอนเงินข้ามประเทศจะง่ายเหมือนส่งสติกเกอร์
ในงานสัมมนาในหัวข้อ การใช้ประโยชน์จาก Blockchain และ AI เพื่อสร้างกลยุทธ์สำหรับ SMEs ในประเทศไทยและเอเชีย’ ที่จัดโดย SalesLogs เมื่อวันที่ 18 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมา ท๊อป จิรายุส ทรัพย์ศรีโสภา ได้พูดถึง AI เกี่ยวกับ เว็บ 3.0 ไว้ว่า
เว็บ 3.0 เกิดขึ้นหลัง 2020 – 2030 จะอยู่ในช่วงของเจเนอเรชั่นที่ 3 ของอินเทอร์เน็ต ที่หลายๆ สิ่งจะเปลี่ยนแปลงไป 4จี ไฟเบอร์ออฟติก ฮาร์ดแวร์ในยุคที่แล้วมันจะถูกแทนด้วยอินเทอร์เน็ตที่มาจากท้องฟ้า ไม่เหมือนเดินอีกต่อไปแล้ว สมาร์ทโฟน หรือ แล็ปท็อป ที่เคยเป็นฮาร์ดแวร์ที่เข้าถึงลูกค้าได้ จะถูกเปลี่ยนเป็นแว่นตาแล้ว AR, BR, MR Technology (Mixed reality) จะโชว์ผลเป็น 3D มันจะเหมือนปรากฏตัวแบบเป็นๆ เลย ฮาร์ดแวร์ดีไวซ์ก็จะไม่หยุดที่สมาร์ทวอชท์ นาฬิกาฉลาด มือถือฉลาด คราวนี้ถึงทีที่โต๊ะ ตู้ เตียงนอน ตู้เย็น จะลุกขึ้นมาฉลาดหมดเลย ทุกอย่างจะสามารถโต้ตอบผู้ใช้งานได้ เพราะว่าอินเทอร์เน็ตจากท้องฟ้า มันจะยิงเดต้าระหว่างกันได้ คือสื่อสารกันและเปลี่ยนข้อมูลกัน เป็นการเก็บข้อมูล พอมันเกิดบิ๊กเดต้าขึ้นก็จะเป็น “เอไอ” ยิงข้อมูลเยอะเท่าไร เอไอ ยิ่งฉลาด
เอไอสามารถจะคาดเดาว่าเราต้องการอะไร อย่างอีคอมเมิร์ซก็สามารถจะส่งของล่วงหน้าได้เลย เขารู้เลยว่าอีก 1 เดือนเราต้องการอะไร มันจะรู้จักเราดีกว่าที่เรารู้จักเสียอีก สิ่งที่มันขึ้นมาให้เราเห็นมันจะถูกใจเรา เพราะมันได้เกิดการเรียนรู้ชีวิตของเราแทบหมดแล้ว แถมยังคาดเดาอนาคตได้อีกด้วย ทุกคนจะมีเอไอส่วนตัว ที่จะคอยเก็บประวัติของเราทุกอย่าง รู้ใจเราสามารถติดตามเราทุกย่างก้าว เราไม่ต้องพิมพ์เองแล้วแค่พูดคุยกับเอไอของเราก็พอ มันก็จะจัดการให้เราได้ทั้งหมดเลย อย่างเช่นเราพูดว่าจะไปเที่ยวเขาใหญ่ เอไอก็จะไปค้นหามาให้ทั้งหมดว่าโรงแรมนี้ดีที่สุด โปรโมชั่นนี้ดีสุด จองผ่านแอพนี้ เราจะไม่ต้องหาอะไรเลย มันจะดึงสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับเรามาโชว์เลย นี่คือสิ่งใหม่ๆ ที่จะเกิดขึ้นในเว็บ 3.0 อีกหน่อยการรับเงินมูลค่าก็จะเป็นอินเทอร์เน็ตมันนี่แล้ว เมื่อก่อนยังต้องรับเงินผ่านแบงก์ ที่เป็นระบบออฟไลน์มันจะเป็นฟูลลี่ออนไลน์ระบบเดียวกันหมดเลย อย่างโอนเงินข้ามประเทศเนี่ยมันจะง่ายเหมือนส่งสติกเกอร์หากัน
ประเทศที่มีเทคโนโลยี 3.0 แบบชัดๆ ก็คือมหาอำนาจอย่าง อเมริกา และ จีน ทั้งสองกำลังแข่งขันกันอยู่ แต่คนที่จะเป็นเบอร์หนึ่งของโลกได้จริงคือผู้ที่คอนโทรลเทคโนโลยี มันจะมีหลายปัจจัย อย่างคลุมเงินตราของประเทศ กำลังทหาร จึงเกิดกันต่อสู้เพื่อจะแย่งกันเป็นเบอร์ 1 ในตอนนี้