ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ลงนาม “GENIUS Act” กฎหมายควบคุม stablecoin ฉบับแรกของสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นับเป็นหมุดหมายสำคัญของวงการคริปโตที่กฎหมายระดับชาติเริ่มวางกรอบกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอย่างจริงจัง โดยทรัมป์ประกาศว่า “นี่คือก้าวสำคัญที่จะทำให้สหรัฐฯ ครองความเป็นผู้นำด้านการเงินและเทคโนโลยีคริปโตระดับโลก”

GENIUS Act หรือชื่อเต็มว่า Guiding and Establishing National Innovation for U.S. Stablecoins กำหนดให้ stablecoin ต้องมีสินทรัพย์สภาพคล่อง เช่น ดอลลาร์สหรัฐ ค้ำประกันเต็มจำนวน พร้อมทั้งบังคับให้ผู้ออกเหรียญที่มีมูลค่าตลาดเกิน 50 พันล้านดอลลาร์ต้องมีการตรวจสอบบัญชีประจำปี และตั้งแนวทางควบคุมการออกเหรียญจากต่างประเทศ กฎหมายดังกล่าวผ่านเสียงข้างมากในสภาผู้แทนฯ และวุฒิสภาก่อนส่งถึงทรัมป์

บรรยากาศงานลงนามมีผู้บริหารคริปโตระดับโลกเข้าร่วม เช่น Paolo Ardoino (Tether), Brian Armstrong (Coinbase) และ Jeremy Allaire (Circle) โดย Allaire ระบุว่านี่คือ “หนึ่งในกฎหมายที่เปลี่ยนโลกการเงินครั้งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี” และโพสต์ว่า “ระบบการเงินโลก ยินดีต้อนรับสู่ยุคอินเทอร์เน็ต”

อย่างไรก็ตาม ฝ่ายเดโมแครตแสดงความกังวล โดยเฉพาะ Maxine Waters ที่เตือนว่ากฎหมายอาจเปิดช่องให้ต่างชาติ โดยเฉพาะผู้ที่เป็นภัยความมั่นคงหรืออยู่ภายใต้การคว่ำบาตร มีสิทธิเข้าสู่ระบบการเงินสหรัฐ ผ่านเส้นทางที่เชื่อมโยงกับครอบครัวทรัมป์ โดยเธอยังตั้งข้อสังเกตถึง stablecoin ที่ชื่อว่า World Liberty Financial USD ว่าอาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนทางการเมือง

การลงนาม GENIUS Act ครั้งนี้ เสริมภาพชัดเจนของรัฐบาลทรัมป์ในด้านการสนับสนุนอุตสาหกรรมคริปโต หลังเพิ่งลงนามยกเลิกกฎเก็บภาษีคริปโตที่เป็นข้อถกเถียงในยุคไบเดนเมื่อต้นปี โดยรวมแล้ว การเคลื่อนไหวครั้งนี้น่าจะเร่งให้การยอมรับคริปโตในภาคการเงินกระแสหลักเกิดขึ้นเร็วขึ้นในระดับโลก