สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ของสหรัฐฯ (SEC) ตัดสินใจยุติคดีแพ่งกับ Binance แพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อวันที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา การยุติคดีครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นสัญญาณสำคัญของทิศทางใหม่ด้านกฎระเบียบคริปโตภายใต้การบริหารของประธานาธิบดี Donald Trump ซึ่งกลับมาดำรงตำแหน่งอีกครั้ง

SEC ได้ยื่นเอกสารร่วมกับ Binance และ Changpeng Zhao ผู้ก่อตั้ง Binance ต่อศาลรัฐบาลกลางในกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. โดยระบุว่าการถอนฟ้องครั้งนี้เป็นไปตามดุลยพินิจด้านนโยบาย และจะไม่สามารถนำประเด็นเดิมกลับมาฟ้องร้องซ้ำได้อีก (dismissal with prejudice) อย่างไรก็ตาม SEC ยืนยันว่าการตัดสินใจนี้ไม่สะท้อนจุดยืนขององค์กรต่อคดีคริปโตอื่น ๆ

โฆษก Binance เรียกการถอนฟ้องครั้งนี้ว่าเป็น “จุดเปลี่ยนสำคัญ” พร้อมกล่าวขอบคุณประธาน SEC คนใหม่ Paul Atkins และรัฐบาล Trump ที่เข้าใจว่านวัตกรรมต้องไม่ถูกจำกัดด้วยกฎระเบียบที่เข้มงวดเกินไป ด้าน SEC ปฏิเสธให้ความเห็นเพิ่มเติมต่อเรื่องนี้

ก่อนหน้านี้ SEC ได้ฟ้อง Binance และ Zhao ตั้งแต่เดือนมิถุนายน 2023 ด้วยข้อหาหนัก ทั้งการปั่นปริมาณการซื้อขาย หลอกลวงลูกค้าเกี่ยวกับระบบควบคุมการตรวจสอบ และเอาเงินลูกค้าไปใช้โดยมิชอบ รวมถึงการอนุญาตให้มีการซื้อขายโทเคนที่ควรต้องจดทะเบียนเป็นหลักทรัพย์ในยุครัฐบาล Biden อย่างไรก็ตามคดีแพ่งนี้แยกออกจากคดีอาญาที่ Binance และ Zhao เคยยอมรับผิด และจ่ายค่าปรับกว่า $4.32 พันล้านสหรัฐฯ ไปเมื่อปลายปี 2023

การยุติคดีนี้เกิดขึ้นท่ามกลางทิศทางใหม่ของ SEC ยุค Trump ซึ่งได้ถอนหรือชะลอการบังคับใช้คดีคริปโตหลายคดี รวมถึงการถอนคดีแพ่งต่อ Coinbase เมื่อต้นปีที่ผ่านมา สะท้อนความพยายามสร้างกรอบกฎระเบียบที่ชัดเจนขึ้นสำหรับคริปโต ขณะที่ Trump เองประกาศจะเป็น “crypto president” เพื่อส่งเสริมนวัตกรรมสินทรัพย์ดิจิทัลในสหรัฐฯ