สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ ภายใต้การนำของพรรครีพับลิกัน ประกาศจัด “Crypto Week” ในช่วงสัปดาห์ของวันที่ 14 กรกฎาคมนี้ โดยจะพิจารณาร่างกฎหมายสำคัญ 3 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับสินทรัพย์ดิจิทัล ได้แก่ กฎหมาย stablecoin, โครงสร้างตลาดคริปโต และการจำกัดการออกสกุลเงินดิจิทัลกลาง (CBDC) ของธนาคารกลาง ซึ่งถือเป็นการผลักดันนโยบายด้านคริปโตตามแนวทางของประธานาธิบดี Donald Trump

ร่างกฎหมาย GENIUS stablecoin ซึ่งผ่านวุฒิสภาแล้ว เป็นหนึ่งในกฎหมายหลักที่ถูกหยิบขึ้นมาพิจารณา โดยกำหนดให้ stablecoins ต้องมีสินทรัพย์สภาพคล่องหนุนหลัง 100% พร้อมตรวจสอบบัญชีประจำปีสำหรับผู้ออกเหรียญรายใหญ่ และตั้งมาตรฐานสำหรับการออกเหรียญจากต่างประเทศ ขณะที่ร่าง STABLE Act เวอร์ชันของสภายังถูกพักไว้ แม้จะผ่านคณะกรรมาธิการเมื่อเดือนพฤษภาคมก็ตาม

อีกหนึ่งร่างสำคัญคือ Digital Asset Market Clarity Act (Clarity) ซึ่งมีเป้าหมายสร้างความชัดเจนด้านโครงสร้างกำกับดูแลคริปโต โดยแบ่งอำนาจหน้าที่ระหว่าง SEC และ CFTC รวมถึงกำหนดให้บริษัทคริปโตต้องเปิดเผยข้อมูลต่อผู้บริโภค และแยกสินทรัพย์ของบริษัทออกจากของลูกค้าอย่างชัดเจน

สุดท้ายคือร่างกฎหมายที่เสนอโดย ส.ส. Tom Emmer ที่จะ ห้ามไม่ให้ Federal Reserve ออก CBDC ให้ประชาชนทั่วไป โดยอ้างว่าทำเพื่อคุ้มครองความเป็นส่วนตัวทางการเงินของชาวอเมริกัน พร้อมประกาศเป้าหมายทำให้สหรัฐฯ เป็นศูนย์กลางของโลกคริปโตอย่างแท้จริง

แม้ร่างกฎหมายทั้งสามจะได้รับการสนับสนุนจากพรรครีพับลิกัน แต่ก็เผชิญแรงต้านจากฝั่งเดโมแครต โดยเฉพาะในประเด็นความเชื่อมโยงของ Trump กับธุรกิจคริปโตส่วนตัว ที่มีรายงานว่าทำรายได้รวมกว่า $620 ล้านดอลลาร์ จากโปรเจกต์ต่าง ๆ เช่น World Liberty Financial และ memecoin ชื่อ TRUMP และ MELANIA