Uniswap จับมือ Morpho และพันธมิตร เปิดตัว “Web3SOC” มาตรฐานใหม่ยกระดับ DeFi สู่ความร่วมมือกับสถาบันการเงิน

Uniswap Labs, Morpho, และพันธมิตรในแวดวงการเงินแบบกระจายศูนย์ (DeFi) เปิดตัว “Web3SOC” กรอบมาตรฐานใหม่สำหรับประเมินความพร้อมของโปรเจกต์ DeFi ในการจับมือกับสถาบันการเงินอย่างมืออาชีพ โดยมีเป้าหมายเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับผู้เล่นระดับองค์กร ในการเข้ามาใช้งานโปรโตคอลแบบไร้ตัวกลางได้อย่างปลอดภัยและมีธรรมาภิบาลที่ชัดเจน
โครงการนี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างผู้พัฒนา DeFi ชั้นนำอย่าง Uniswap Labs, Morpho, Maple Finance, Kiln, และ Steakhouse Financial โดยทำงานร่วมกับบริษัทด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์อย่าง Cantina และ Secureum พร้อมทั้งเปิดรับความเห็นจากกลุ่มนักลงทุนในอุตสาหกรรม
จุดประสงค์ของ Web3SOC Web3SOC (Web3 System and Organization Controls) เป็นมาตรฐานที่พัฒนาขึ้นเพื่อแก้ไขปัญหาเรื่องความไม่แน่นอนด้านความปลอดภัย กฎระเบียบ และธรรมาภิบาลในโลก DeFi ซึ่งที่ผ่านมาเป็นอุปสรรคสำคัญที่ทำให้สถาบันการเงินยังไม่กล้าเข้ามามีส่วนร่วมอย่างจริงจัง Web3SOC จึงถูกออกแบบให้เป็น “มาตรวัดความพร้อม” ของโปรเจกต์ โดยใช้เกณฑ์ประเมินแบบรอบด้าน ทั้งด้านเทคนิค การเงิน กฎหมาย และการบริหารจัดการ
ระบบจัดระดับ “Maturity Tiers” กรอบ Web3SOC ประกอบด้วยระบบจัดระดับความพร้อมของโปรเจกต์ออกเป็น 4 ระดับ หรือ “Maturity Tiers”: Tier 1: Enterprise-grade – พร้อมใช้งานโดยสถาบันขนาดใหญ่ Tier 2-3: กำลังเติบโต – มีความมั่นคงบางส่วน Tier 4: Nascent – โปรเจกต์เริ่มต้นที่ยังต้องปรับปรุงหลายด้าน นอกจากนี้ยังมี Self-assessment tool สำหรับให้โปรเจกต์ประเมินตนเอง และเตรียมความพร้อมก่อนเข้าสู่ระดับที่สูงขึ้น
เครื่องมือ Due Diligence สำหรับสถาบัน สำหรับฝั่งนักลงทุนและองค์กร Web3SOC ยังทำหน้าที่เป็นเครื่องมือ “due diligence” ที่มีโครงสร้างชัดเจนในการวิเคราะห์โปรเจกต์ DeFi ทั้งในเรื่อง: -ความปลอดภัยของระบบ (Security) -ความมั่นคงทางการเงิน (Financial Stability) -ธรรมาภิบาล (Governance) -การปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Regulatory Compliance) สอดคล้องกับวิสัยทัศน์ Ethereum การเปิดตัว Web3SOC เกิดขึ้นในช่วงที่ Ethereum กำลังขับเคลื่อนตัวเองสู่การเป็น “settlement layer ของโลก” โดยเชื่อว่าในอนาคตการเงินเกือบทุกรูปแบบจะเคลื่อนย้ายขึ้นบนบล็อกเชนทั้งหมด ซึ่งจำเป็นต้องมีโครงสร้างที่เอื้อให้สถาบันสามารถเข้าร่วมได้อย่างมั่นใจ
ทั้งนี้ ความพยายามในการสร้างโครงสร้างแบบมืออาชีพในโลก Web3 ยังได้รับแรงสนับสนุนจากกลุ่ม lobbying อย่าง Etherealize ที่เพิ่งออกรายงานระบุว่า Ethereum อาจมีมูลค่าสูงถึง $740,000 ต่อโทเคนในระยะยาว หากระบบสามารถกลายเป็น “น้ำมันดิจิทัล” ของเศรษฐกิจโลกได้สำเร็จ