Vitalik Buterin ผู้ร่วมก่อตั้ง Ethereum ประกาศแนวทางใหม่ในการขยายขีดความสามารถของเครือข่าย Ethereum โดยแนะนำ Helios ซึ่งเป็นไลท์ไคลเอนต์ที่รองรับการทำงานหลายเครือข่าย (multichain) และจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจสอบธุรกรรมโดยไม่ต้องพึ่งพาโหนดเต็ม ทำให้การใช้เครือข่ายมีความรวดเร็วและปลอดภัยยิ่งขึ้น

ในการโพสต์บน X (Twitter) Buterin เน้นความสำคัญของการนำ Helios เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของกระเป๋าเงินดิจิทัล เพื่อให้ผู้ใช้สามารถตรวจสอบความถูกต้องของธุรกรรมได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งสำคัญสำหรับระบบนิเวศ Ethereum ที่มุ่งสู่การขยายตัวในรูปแบบโรลอัพนับพัน โดยเฉพาะบนเครือข่าย Layer 1 และ Layer 2

Noah Citron นักพัฒนาของ Helios อธิบายว่าโครงการนี้ออกแบบมาเพื่อให้โรลอัพโอเปอเรเตอร์ไม่จำเป็นต้องใช้โหนดเต็มในทุกเครือข่ายที่พวกเขาเข้าร่วม ซึ่งช่วยประหยัดทรัพยากรและเพิ่มความคล่องตัวในการจัดการหลายแพลตฟอร์ม เช่น Optimism และ Base

Helios ยังมีบทบาทสำคัญในโครงการข้ามเชนอย่าง Superchain ของ Optimism และ Elastic Chain ของ zkSync ช่วยให้โรลอัพโอเปอเรเตอร์สามารถตรวจสอบการสื่อสารข้ามเชนได้อย่างปลอดภัยผ่านไลท์ไคลเอนต์

นอกจากนี้ Buterin ยังได้เปิดเผยแผนการปรับปรุงระบบค่า Gas Fee เพื่อเพิ่มความเร็วในการทำธุรกรรม ซึ่งคาดว่าจะช่วยเพิ่มอัตราการประมวลผลของ Ethereum ขึ้น 1.5 เท่า การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้ Ethereum สามารถแข่งขันกับบล็อกเชนที่เร็วกว่า เช่น Solana โดยไม่กระทบต่อความปลอดภัยของระบบ ถือเป็นอีกก้าวสำคัญที่สนับสนุนให้ Ethereum เป็นแพลตฟอร์มที่ใช้งานง่ายและน่าสนใจมากขึ้นสำหรับนักพัฒนาและผู้ใช้