ราคาของ Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่าระดับ $80,000 อีกครั้งในวันที่ 11 เมษายน แม้ก่อนหน้านี้จะพุ่งขึ้นตอบรับข้อมูลเงินเฟ้อ CPI ของสหรัฐฯ ที่ชะลอตัวอยู่ที่ 0.1% ซึ่งทำให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า Fed อาจปรับลดอัตราดอกเบี้ยในไม่ช้า ส่งผลให้ราคา BTC พุ่งแตะจุดสูงสุดรายวันที่ $83,541 ก่อนกลับตัวร่วงลงถึง 4% ภายในเวลาไม่นาน ล่าสุดซื้อขายอยู่ที่ราว $79,500

นักวิเคราะห์ชี้ว่าความกังวลต่อสถานการณ์การค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน โดยเฉพาะการตั้งกำแพงภาษีโต้ตอบกันของทั้งสองประเทศ เป็นปัจจัยหลักที่ทำให้นักลงทุนเทขายสินทรัพย์เสี่ยง เช่น คริปโตเคอร์เรนซี แล้วหันไปลงทุนในทองคำและพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ซึ่งถือเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยมากกว่าในช่วงที่เศรษฐกิจโลกมีความไม่แน่นอน

แม้พื้นฐานของ Bitcoin ยังแข็งแกร่ง และมีแรงหนุนจากแนวโน้มการลดดอกเบี้ยในสหรัฐฯ แต่แรงกดดันจากปัจจัยภายนอกยังฉุดราคาลงได้ โดย Axel Adler นักวิเคราะห์คริปโตชื่อดังมองว่าการปรับฐานครั้งนี้เป็นเพียง “การพักตัวที่ดีต่อสุขภาพ” มากกว่าจะเป็นจุดเริ่มต้นของวิกฤตราคา พร้อมระบุว่า BTC ยังคงแสดงความแข็งแกร่งต่อแรงกระทบทางเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ได้อย่างมีเสถียรภาพ

ทั้งนี้ นักลงทุนยังคงจับตาความเคลื่อนไหวของธนาคารกลางสหรัฐฯ และพัฒนาการของสงครามการค้าอย่างใกล้ชิด เนื่องจากอาจเป็นตัวแปรสำคัญในการกำหนดทิศทางของ Bitcoin และตลาดคริปโตในระยะถัดไป