จดหมายเปิดผนึก จาก ธปท. เงินเฟ้อ12เดือนสูงกว่าเป้า แจงนโยบายดูแลเงินเฟ้อกลับสู่เป้าหมาย
ธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดจดหมายเปิดผนึก เพื่อชี้แจงการเคลื่อนไหวของอัตราเงินเฟ้อทั่วไป เฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาสูงกว่าขอบบนของกรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน ตามที่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มีข้อตกลงร่วมกัน เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 โดยกำหนดให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปในช่วงร้อยละ 1-3 เป็นเป้าหมายนโยบายการเงินด้านเสถียรภาพราคาสำหรับระยะปานกลาง และเป็นเป้าหมายสำหรับปี 2566 รวมถึงระบุให้ กนง. มีจดหมายเปิดผนึกหากอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาหรือประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้าเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมายนั้น ปัจจัยสำคัญที่ทำให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาสูงกว่ากรอบเป้าหมายนโยบายการเงิน อัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาสูงกว่ากรอบเป้าหมายจากแรงกดดันด้านอุปทาน (cost-push inflation) เป็นสำคัญ โดยราคาพลังงานในประเทศปรับเพิ่มขึ้นตามราคาพลังงานและราคาสินค้โภคภัณฑ์โลกที่ได้รับผลกระทบจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน ทำให้อัตราเงินเฟ้อหมวดพลังงานเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาอยู่ในระดับสูงที่ร้อยละ 20.06 ขณะเดียวกัน ราคาอาหารสดได้ปรับเพิ่มขึ้นทั้งจากราคาเนื้อสัตว์ โดยเฉพาะเนื้อสุกรที่มีราคาสูงขึ้นตามอุปทานที่ลดลงมากจากการเกิด โรคระบาดในช่วงต้นปี 2565 และราคาผักผลไม้ที่เพิ่มขึ้นตามอุปทานที่ได้รับผลกระทบจากสภาพอากาศที่แปรปรวน รวมถึงต้นทุนอาหารสัตว์และปุยที่อยู่ในระดับสูง ทำให้อัตราเงินเอหมวดอาหารสดเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 7.74 ขณะที่แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ (demand-pull inflation) ปรับเพิ่มขึ้นบ้างตามเศรษฐกิจที่ทยอยฟื้นตัว ส่งผลให้การส่งผ่านต้นทุนไปยังราคาสินค้าและบริการอื่น ๆทำได้มากขึ้นแม้จะยังไม่สามารถส่งผ่านได้เต็มที่ โดยเป็นการส่งผ่านไปยังราคาอาหารสำเร็จรูปเป็นหลักทำให้อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาอยู่ที่ร้อยละ 2.70 ระยะเวลาที่คาดว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมาย
จากการประชุมวันที่ 29 มีนาคม 2566 กนง. ประเมินว่าอัตราเงินเฟ้อทั่วไปได้ผ่านจุดสูงสุดในไตรมาส 3 ปี 2565 โดยได้ทยอยลดลงต่อเนื่องตามที่ประเมินไว้ และคาดว่าจะเริ่มกลับมาเคลื่อนไหวอยู่ในกรอบเป้าหมายในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2566 จากแรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปทานที่มีแนวโน้มลดลงตาม
(1) ราคาพลังงานและสินค้าโภคภัณฑ์โลกที่ปรับลดลง ประกอบกับฐานราคาพลังานที่สูงในปีก่อนหน้า และ (2) ราคาอาหารสดที่คาดว่าจะปรับลดลงตามต้นทุนอาหารสัตว์และราคาปุยที่ลดลงจากปัญหาด้านอุปทานที่มีแนวโน้มคลี่คลาย ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานคาดว่าจะทรงตัวอยู่ในระดับสูงอีกระยะหนึ่งตามการทยอยส่งผ่านต้นทุนที่อยู่ในระดับสูงในช่วงก่อนหน้าที่อาจทำได้มากขึ้นเมื่อเศรษฐกิจฟื้นตัวในระยะต่อไป ก่อนทยอยปรับลดลงจากแนวโน้มต้นทุนที่ลดลงนอกจากนี้ การทยอยกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายของอัตราเงินเฟ้อในระยะข้างหน้า สอดคล้องกับอัตราเงินเฟ้อคาดการณ์ในระยะปานกลางที่ยังคงยึดเหนี่ยวอยู่ในกรอบเป้าหมาย แสดงถึงความเชื่อมั่นว่านโยบายการเงินจะสามารถรักษาเสถียรภาพด้านราคาในระยะปานกลางได้ อย่างไรก็ดี กนง. จะติดตามพัฒนาการของปัจจัยเสี่ยงต่าง ๆ อาทิ (1) แรงกดดันเงินเฟ้อด้านอุปสงค์ที่อาจเพิ่มขึ้นตามการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งอาจเอื้อให้ผู้ประกอบการส่งผ่านต้นทุน ได้มากขึ้นหรือเร็วขึ้น และ (2) การทยอยลดมาตรการอุดหนุนราคาพลังงานในประเทศ เพื่อรักษาเสถียรภาพ ของกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงและการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยที่รับภาระค่าไฟฟ้าแทนประชาชนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งจะส่งผลให้ราคาพลังงานในประเทศปรับลดลงช้ากว่าราคาพลังงนในตลาดโลก
ทั้งนี้ กนง.จะติดตามและวิเคราะห์ความเสี่ยงต่าง ๆ เพื่อให้การดำเนินนโยบายการเงินเป็นไปอย่างเหมาะสมและทันการณ์ การดำเนินนโยบายการเงินเพื่อดูแลให้อัตราเงินเฟ้อทั่วไปกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายในระยะเวลาที่เหมาะสมภายใต้กรอบการดำเนินนโยบายการเงินที่มีเป้าหมายเพื่อรักษาเสถียรภาพด้านราคาควบคู่กับดูแลเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน และรักษาเสถียรภาพระบบการเงิน กนง. ประเมินว่า การทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายยังมีความเหมาะสมในบริบทปัจจุบัน เนื่องจากเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มพื้นตัวได้ต่อเนื่อง ขณะที่เงินเฟ้อยังมีความเสี่ยงที่ต้องติดตามโดยเฉพาะจากแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่อาจเพิ่มขึ้นโดย กนง. พร้อมปรับขนาดและเงื่อนเวลาของการขึ้นอัตราดอกเบี้ยหากแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อเปลี่ยนไปจากที่ประเมินไว้ นอกจากนี้ กนง. เห็นว่าควรดำเนินมาตรการปรับโครงสร้างหนี้อย่างต่อเนื่อง รวมทั้งเห็นความสำคัญของการมีมาตรการเฉพาะจุดและแนวทางแก้ปัญหาหนี้อย่างยั่งยืนสำหรับกลุ่มเปราะบาง เพื่อเสริมสร้างเสถียรภาพระบบการเงินและไม่เป็นปัจจัยฉุดรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจในระยะข้างหน้า ทั้งนี้ กนง. จะติดตามปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อแนวโน้มเศรษฐกิจและอัตราเงินเฟ้ออย่างใกล้ชิด เพื่อให้การดำเนินนโยบายการเงินสามารถสนับสนุนการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ ควบคู่กับการดูแลเสถียรภาพด้านราคาและเสถียรภาพระบบการเงินได้อย่างเหมาะสมตามข้อตกลงร่วมกันระหว่าง กนง. และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เมื่อวันที่30 พฤศจิกายน 2565 กนง. จะมีจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังอีกครั้งใน 6 เดือนข้างหน้า หาก ณ เวลานั้นอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนที่ผ่านมาหรือประมาณการอัตราเงินเฟ้อทั่วไปเฉลี่ย 12 เดือนข้างหน้ายังคงเคลื่อนไหวออกนอกกรอบเป้าหมาย ทั้งนี้ เพื่อสร้างความเข้าใจให้กับสาธารณชนเป็นการทั่วไป กนง. จะเผยแพร่สาระของหนังสือชี้แจงฉบับนี้ต่อสาธารณชนผ่านทาง website ของธนาคารแห่งประเทศไทยด้วย