อดีตผู้ว่าแบงก์ชาติ แปลกใจสรรหา เลขาก.ล.ต.ใช้เวลานานมาก-ความแคลงใจในธรรมาภิบาลทำตลาดถดถอย
ดร.วิรไท สันติประภพ อดีตผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) หรือ แบงก์ชาติ แสดงความคิดเห็น ผ่านFacebookส่วนตัว Veerathai Santiprabhob ระบุว่า ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา มีข่าวร้ายหลายเรื่องเกิดขึ้นในวงการตลาดทุน บางเรื่องคนในวงการถึงกับใช้คำว่า “ปล้นกันกลางแดด”
ก.ล.ต. ซึ่งเป็นผู้กำกับดูแลตลาดทุน เป็นหน่วยงานที่มีความสำคัญมาก ต้องรักษา integrity และ ธรรมาภิบาลในตลาดทุน รวมทั้งจะต้องดูแลผู้ลงทุน
ที่ผ่านมากลไกตลาดทุนซับซ้อนขึ้นมาก ไม่ว่าจะเป็นตราสารอนุพันธ์ประเภทใหม่ๆ หรือ digital assets ถึงแม้จะไม่มีการตั้งใจโกง ก.ล.ต. ก็ต้องเร่งสร้างความเข้มแข็งให้เท่าทันกับพัฒนาการของตลาดทุน จึงจะกำกับดูแลได้อย่างเท่าทัน
เวลาที่เกิดการโกงกันกรณีใหญ่ๆ ในตลาดทุน ความเสียหายไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะกับผู้ถือหุ้นหรือผู้ถือตราสารหนี้ของบริษัทที่มีปัญหาเท่านั้น แต่จะกระทบกับผู้ลงทุนทุกคน และบริษัทที่ระดมทุนทุกบริษัทด้วย
ความแคลงใจในธรรมาภิบาลของตลาดทุนไทย จะส่งผลให้นักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติไม่กล้าลงทุน เงินไหลออกจากตลาดทุน ราคาหุ้นลดต่ำลง ต้นทุนการระดมทุนจะสูงขึ้น ซึ่งจะกระทบต่อความสามารถในการแข่งขันของบริษัทไทย และเศรษฐกิจไทยโดยรวมด้วย
แปลกใจมากที่กระบวนการสรรหา เลขา ก.ล.ต. คนใหม่ ใช้เวลานานมากทั้งที่มีข่าวว่าคณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้เสนอชื่อผู้ที่ผ่านการคัดเลือกให้กระทรวงการคลังไปตั้งแต่สองเดือนที่แล้ว
เชื่อว่าคณะกรรมการ ก.ล.ต. ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ตรวจสอบคุณสมบัติอย่างรัดกุมแล้ว ถึงจะส่งชื่อให้กระทรวงการคลัง
ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้เลขา ก.ล.ต. คนใหม่ บางข่าวก็บอกว่าอาจจะมีการล้มกระดานสรรหาใหม่ กระบวนการสรรหาที่ไม่ชัดเจนแบบนี้ น่ากังวลว่าถ้าเปิดสรรหาใหม่ คนดีๆ คนเก่งๆ คงคิดหนักไม่อยากมาสมัคร
ยิ่งได้ เลขา ก.ล.ต. ช้าเท่าไหร่ การแก้ไขเรื่องสำคัญหลายอย่างในตลาดทุนก็คงช้าออกไปเรื่อยๆ ช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมา ก.ล.ต. ก็ดูจะอ่อนแรงไปมากเพราะมีผู้บริหารและพนักงานจำนวนมากลาออก
ตำแหน่ง เลขา ก.ล.ต. สำคัญมากๆ นอกจากจะต้องรักษา integrity และธรรมาภิบาลของตลาดทุนแล้ว จะต้องดูแลเสถียรภาพในตลาดทุนด้วย ถ้าเกิดสถานการณ์ mutual fund run หรือตลาดตราสารหนี้ปิดจนผู้ออกตราสารไม่สามารถ roll over ได้ เหมือนกับที่เคยเกิดขึ้นเมื่อสามปีที่แล้ว อาจจะดึงให้ระบบการเงินทั้งระบบรวนได้ ถ้าไม่ได้รับการแก้ไขอย่างทันท่วงที เลขา ก.ล.ต. ต้องมีความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับตลาดทุน และสามารถสร้างความมั่นใจให้กับผู้ร่วมตลาดทุนได้
ธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในตลาดทุนคงจะเกิดขึ้นได้ยาก ถ้าความโปร่งใสของกระบวนการสรรหาผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนยังไม่ชัดเจน