บุกเหมือง Bitcoin ต่อเนื่อง! เหมืองโจรลักลอบใช้ไฟไหวตัวทันย้ายแท่นขุดหนีทิ้งไว้แค่สายไฟ
กฟน.สนธิกำลัง สน.โคกคราม นำหมายค้นบุกตรวจเหมืองขุดบิทคอยน์เถื่อนย่านลาดปลาเค้า พบแอบลักลอบต่อตรงพ่วงใช้ไฟฟ้า เบื้องต้นคาดเหมืองโจรคริปโตไหวตัวทันย้ายแท่นขุดหนีทิ้งไว้แค่สายไฟ
เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 19 ธันวาคม 2565 นายสันติภาพ อรุณวราภา ผู้อำนวยการกองบริการผู้ใช้ไฟฟ้า การไฟฟ้านครหลวง สาขานวลจันทร์ พร้อมเจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสืบสวน สน.โคกคราม นำหมายค้นเข้าค้นอาคารพาณิชย์ เลขที่ 6/256 ซ.ลาดปลาเค้า 46 ถนนลาดปลาเค้า แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กทม. หลังตรวจสอบพบมีการลักลอบใช้ไฟฟ้าโดยการต่อตรงไม่ผ่านมิเตอร์ไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะเป็นการลักลอบนำไปใช้ต่อกับเครื่องขุดบิทคอยน์ โดยในการเข้าตรวจสอบโดยภายในอาคารพบบริเวณด้านหน้า มีการทำฝ้าครอบสายไฟไว้ไม่ให้เห็นจุดต่อของสายไฟ โดยปลายสายถูกลากเข้าไปในอาคารชั้นที่ 1-3 ซึ่งเหลือเพียงชั้นวางและห้องโล่งๆ นอกจากนี้ยังมีการเจาะพื้นเป็นรูเพื่อร้อยสายไฟขึ้นไปที่ชั้น 4 ซึ่งมีการดัดแปลงเป็นห้องเก็บเสียง โดยติดตั้งพัดลมระบายอากาศซึ่งเกิดจากความร้อนของแท่นขุดเหลือทิ้งไว้จำนวน 4 ตัว นอกจากนี้ด้านหลังชั้นวางที่มีการเดินสายแลน และปลั๊กไฟฟ้าไว้ประมาณ 200 คู่ แต่ไม่พบเครื่องขุดบิทคอยน์ โดยคาดว่าเหมืองโจรบิทคอยน์ดังกล่าวนี้ ไหวตัวทันและรีบขนย้ายออกไปก่อนที่เจ้าหน้านี้จะบุกเข้าไปตรวจค้นและจับกุม นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ยังได้ตรวจยึดกล้องวงจรปิดจำนวน 2 ตัว เราเตอร์อินเทอร์เน็ต 1 เครื่อง ไว้เป็นของกลาง ขณะเดียวกันเจ้าของอาคารให้ข้อมูลว่า ได้ทำสัญญากับ น.ส.นารีรัตน์ โคกสีอำนวย ในการเช่าราคาเดือนละ 6,000 บาท ซึ่งผู้เช่าๆมานานแล้วกว่า 3 ปี โดยจ่ายค่าเช่าตามปกติ และล่าสุดเพิ่งจ่ายค่าเช่ามาเมื่อวันที่ 10 ธ.ค.ที่ผ่านมา แต่ทั้งนี้ทางตนไม่ทราบว่าได้มีการแอบลักลอบต่อกระแสไฟฟ้าตรงและดัดแปลงอาคารเพื่อใช้เป็นที่ตั้งเครื่องขุดบิทคอยน์ ด้าน ผู้อำนวยการกองบริการผู้ใช้ไฟฟ้า กล่าวว่า วันนี้พบหลักฐานเป็นอุปกรณ์ ยืนยันได้ว่าจุดนี้มีการลักลอบใช้ไฟฟ้าในการขุดบิตคอยน์ และเชื่อว่าน่าจะไหวตัวทันถอดเครื่องไปก่อน การเข้าค้นวันนี้สืบเนื่องจากก่อนหน้าที่การไฟฟ้านครหลวง ได้ร่วมกับดีเอสไอ มีการตรวจค้นครั้งแรกใน 3 เขตการไฟฟ้าเขตนนทบุรี การไฟฟ้าเขตบางบัวทอง และการไฟฟ้าบางใหญ่ จำนวน 41 จุด ต่อมาทางผู้ว่าการ ได้ออกคำสั่งให้การไฟฟ้าทุกเขตตรวจสอบในพื้นที่ว่ามีการกระทำในลักษณะเดียวกันด้วยหรือไม่ ซึ่งทางการไฟฟ้าเขตนวลจันทร์ ได้ตรวจสอบโดยการจัดเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ตรวจสอบพบว่ามีการกระทำผิด 4 จุด โดยจุดนี้เป็นจุดแรก ซึ่งหลังจากนี้จะมีการลงตรวจจุดที่เหลือต่อไป
“ความผิดของการลักลอบใช้ไฟฟ้าตามกฎหมายถือว่าเป็นอาญาแผ่นดิน ฝากแจ้งเตือนไปยังเจ้าของอาคารที่ให้บุคคลอื่นมาเช่าควรจะระมัดระวัง ซึ่งอาจจะมีมิจฉาชีพที่มาเช่าเพื่อทำสิ่งที่ผิดกฎหมาย หรือมาแอบต่อกระแสไฟฟ้าไปใช้ขุดบิทคอยน์ หรือเหรียญคริปโตอื่นๆ ในส่วนของประชาชนทั่วไปอาจจะมองว่าการทำแบบนี้อาจจะมีโทษที่ไม่รุนแรง ความจริงมีโทษทางอาญาในข้อหาลักทรัพย์ใช้ไฟฟ้าโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งในฐานะที่การไฟฟ้าเป็นเจ้าทุกข์ จะมีการดำเนินการทางกฏหมายอย่างถึงที่สุด และจะไม่มีการยอมความต่อผู้กระทำผิด เนื่องจากมีความผิดตามอาญาแผ่นดิน” นายสันติภาพ อรุณวราภา กล่าวทิ้งท้าย