สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า มาตรการนี้เกิดขึ้นในช่วงที่ทางการจีนให้คำมั่นปราบปรามการทุจริตในภาคการเงินจีนเม็ดเงินหมุนเวียน 57 ล้านล้านดอลลาร์ และเศรษฐกิจจีนที่ใหญ่เป็นอันดับสองของโลกชะลอตัวลง การว่างงานของคนหนุ่มสาวสูงสุดเป็นประวัติการณ์ วิชาชีพการเงินเป็นอาชีพหนึ่งที่ได้ค่าตอบแทนสูงในประเทศจีนซึ่งปกครองในระบอบคอมมิวนิสต์ ความมั่งคั่งและไลฟ์สไตล์หรูหราของพวกเขามักถูกสาธารณชนจับตาและวิพากษ์วิจารณ์บนโซเชียลมีเดียในช่วงที่เศรษฐกิจประเทศซบเซา รัฐบาลปักกิ่งก็หมายตาเช่นกัน

หน่วยงานปราบปรามทุจริตต้องการ ขจัดแนวคิด “ชนชั้นนำทางการเงิน” สไตล์ตะวันตก และแก้ไขการใช้ชีวิต “รสนิยมไฮเอนด์” อย่างล้นเกิน นั่นกระตุ้นให้บริษัทการเงินจำนวนหนึ่งทั้งของรัฐและเอกชนต้องดำเนินมาตรการเชิงรุก เพื่อให้มั่นใจได้ว่าตนไม่ตกเป็นเป้าของทางการ แม้วาทกรรม “ความมั่งคั่งร่วม” ของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง จะแผ่วลงแล้วก็ตาม

พนักงานหลายบริษัทผู้ไม่เปิดเผยชื่อ เล่ากับรอยเตอร์ถึงมาตรการดังกล่าว เช่น พนักงานกองทุนรวมขนาดใหญ่ของรัฐและธนาคารขนาดกลางแนะนำพนักงานอย่าอวดไลฟ์สไตล์ไฮเอนด์ อย่าโพสต์ภาพอาหารหรู เสื้อผ้า หรือกระเป๋าราคาแพงบนโซเชียลมีเดีย เพื่อไม่ให้คณะกรรมการกำกับดูแลจับตามองหรือถูกสังคมวิพากษ์วิจารณ์

พนักงานธนาคารระดับกลางได้รับการร้องขอไม่ให้สวมนาฬิกาหรือถือกระเป๋าแบรนด์เนมมาทำงาน เดินทางไปทำงานก็พักในโรงแรมห้าดาวไม่ได้ ผู้บริหารระดับสูงบริษัทประกันของรัฐแห่งหนึ่งได้รับแจ้งเช่นกัน ไม่ให้สวมใส่เสื้อผ้าราคาแพงไปทำงาน โดยก่อนหน้านี้รอยเตอร์รายงานว่า คณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์จีนและธนาคารกลางจีนลดงบประมาณจัดสรรไว้เพื่อเป็นเงินเดือนพนักงานในปี 2566 ตามแผนการปฏิรูป

นายสิน ซัน ผู้สอนธุรกิจจีนและเอเชียตะวันออก คิงส์คอลเลจ ลอนดอน กล่าวว่า “ความเหลื่อมล้ำในจีนทะลุระดับสูงสุดมานานแล้ว” ซันกล่าวและว่า การที่พรรคลดผลประโยชน์ “ชนชั้นนำทางการเงิน” ในตอนนี้มีเป้าหมายเพื่อขจัดความเหลื่อมล้ำภายในรัฐบาลเพื่อเสถียรภาพทางการเมือง