ดร.นิเวศน์ เผยสิ่งที่กลัวคือ ตลาดหุ้นและตลาดทุนถึงตอนอวสาน จากนโยบายลดความเลื่อมล้ำอย่างรวดเร็ว

ดร.นิเวศน์ เผยสิ่งที่กลัวคือ ตลาดหุ้นและตลาดทุนถึงตอนอวสาน จากนโยบายลดความเลื่อมล้ำอย่างรวดเร็ว

ข่าวสาร
June 12, 2023 by cryptocamping
Frame 721 - 2023-06-12T140222.423

ดร.นิเวศน์ เหมวชิรวรากร เซียนหุ้น สาย VI หรือ VALUE INVESTOR ได้เผยถึงมุมมองนโยบายทางด้านเศรษฐกิจและการเงินของพรรคการเมืองว่า ผู้นำที่กำลังพยายามจัดตั้งรัฐบาลในช่วงนี้นั้น  ก่อให้เกิดความกังวลต่อตลาดทุนโดยเฉพาะตลาดหุ้นไม่น้อย  เหตุผลก็เพราะว่า มีการเสนอให้เปลี่ยนแปลงแนวทางหรือปรัชญาทางเศรษฐกิจที่ประเทศไทยใช้มานานและ  “ได้ผลดี”

ตัวอย่างภาษีที่มีการประกาศแล้วว่า อาจจะเก็บก็เช่น  ภาษีนิติบุคคลของบริษัทขนาดใหญ่ที่จะเพิ่มขึ้นจาก 20% เป็น 23%  ภาษีกำไรจากการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์  การจัดการกับการ “ผูกขาด”  ของบริษัทขนาดใหญ่มากที่ส่วนใหญ่ก็อยู่ในตลาดหุ้น  และการเก็บภาษีความมั่งคั่งสำหรับคนที่มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิเกินกว่า 300 ล้านบาท ซึ่งจำนวนมากก็เป็นคนที่ถือหุ้นอยู่ในตลาดหลักทรัพย์  เป็นต้น

ทั้งหมดนั้นมีผลต่อผลประกอบการของบริษัทและการประเมินมูลค่าหุ้นอย่างแน่นอน และอาจจะรุนแรงซึ่งอาจจะทำให้หุ้นตก ซึ่งจะส่งผลให้การระดมทุนเพื่อขยายกิจการไม่เติบโต และในบางกรณีก็อาจจะมีการ “ถอนทุน” ออกจากประเทศไทยไปด้วย  โดยคนที่ถอนอาจจะเป็นนักลงทุนต่างประเทศที่อาจจะมองว่าตลาดหุ้นไทยไม่เติบโตและให้ผลตอบแทนต่ำกว่าคู่แข่งที่เป็นตลาดที่เติบโตเร็วกว่าและให้ผลตอบแทนสูงกว่า  หรืออาจจะเป็นนักลงทุนไทยเองที่หันไปลงทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ    และนั่นก็จะทำให้การเติบโตทางเศรษฐกิจของไทย  ลดลง   ซึ่งก็จะทำให้เม็ดเงินภาษีที่จะเก็บได้ลดน้อยลง  ไม่เพียงพอต่อการให้สวัสดิการที่จะมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นมากในอนาคต

การตกลงของดัชนีตลาดหุ้น  ซึ่งเป็นผลจากการลดลงของผลประกอบการเพราะการเก็บภาษีในระดับสูง  และการเพิ่มขึ้นของ “ต้นทุน” ของการซื้อ-ขายหุ้นเนื่องจากภาษีกำไรจากการลงทุนและอื่นๆ  นั้น  ยังส่งผลต่อ “คนชั้นกลาง” จำนวนมาก  อาจเป็นหลายล้านคน  ที่ลงทุน “ออมหุ้น” เพื่อการเกษียณ  พวกเขาเหล่านั้นต่างก็ลงทุนในหุ้นเองหรือผ่านกองทุนรวมหรือกองทุนต่างๆ  ที่ลงทุนในหุ้นที่เป็นทรัพย์สินที่  “ให้ผลตอบแทนสูงสุด”  เมื่อเทียบกับการลงทุนอื่นๆ  โดยเฉพาะการฝากเงินในธนาคาร  แต่ถ้าหากว่าหุ้นไทย “ตกลงต่อเนื่องระยะยาว” อันเป็นผลจากนโยบายที่ “ไม่สนับสนุนตลาดทุน” ของรัฐ อนาคตของพวกเขาจะเป็นอย่างไร?  พึ่งพาสวัสดิการหรือ?

และได้กล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า สุดท้ายที่ผมอยากจะพูดถึงก็คือ  หลายคนอาจจะคิดว่า  ผมอาจจะมี  Bias หรือความลำเอียงในฐานะของคนในตลาดหุ้นที่จะต้องเสียภาษีหนัก  คำตอบของผมก็คือ  ถ้าคำนวณว่าสุดท้ายผมต้องเสียภาษีเทียบกับความมั่งคั่งไม่เกินปีละ 0.5-1% ต่อปี  ผมก็คงไม่เดือดร้อนหรอก  ถ้าตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทนโดยเฉลี่ยปีละประมาณ 7-8% และผมอาจจะทำได้ดีกว่านั้นด้วย

สิ่งที่ผมกลัวก็คือ  ตลาดหุ้นและตลาดทุนจะ  “วาย” ลงทุนแล้วดัชนีมีแต่จะตกต่ำลงไปเรื่อย ๆ   เรากำลังผ่าน  “ทศวรรษที่หายไป” ในปีนี้  และก็หวังว่าเราจะเริ่มฟื้นตัวสู่  “ทศวรรษแห่งความรุ่งเรือง”  หรืออย่างน้อยเป็น “ทศวรรษแห่งความยั่งยืน” หรือทศวรรษปกติ  แต่ถ้ามันไม่ใช่  นี่ก็อาจจะเป็น  “อวสานของตลาดหุ้น” ที่นักลงทุนจะต้องพิจารณาว่าจะทำอย่างไร

ที่มา

Related posts