แบงค์ไทยยังแกร่ง! ธปท.ย้ำสภาพคล่องสูงลิ่ว หลังวิกฤติแบงค์อเมริกา กระทบตลาดทุนทั่วโลก
วันนี้(13 มี.ค.66) น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำสถาบันทางการเงินไทยทั้งระบบกองทุนแกร่ง สภาพคล่อง Liquidity Coverage ratio สูงลิ่วร้อยละ 197.3 มั่นใจพร้อมรับความเสี่ยงรอบด้าน
จากกรณีที่กระทรวงการคลังสหรัฐ พร้อม ด้วยธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และบรรษัทค้ำประกันเงินฝาก ของรัฐบาลกลางสหรัฐ (FDIC) ออกแถลงการณ์ร่วมกันสั่งปิด กิจการซิกเนเจอร์ แบงก์ (Signature Bank) ซึ่งเป็นธนาคาร รายใหญ่ที่ปล่อยกู้ให้กับอุตสาหกรรมคริปโทเคอร์เรนซี เพื่อ ป้องกันความเสี่ยงในระบบธนาคาร และหลังจากนั้นเพียงวัน เดียว สำนักงานคุ้มครองทางการเงินและนวัตกรรมแห่งรัฐ แคลิฟอร์เนีย ( ดีเอฟพีไอ ) มีคำสั่งยุติการดำเนินงานของ ธนาคารซิลิคอน วัลเลย์ (SVB) ซึ่งเป็นสถาบันการเงินที่เน้นให้ บริการกับผู้ประกอบกิจการสตาร์ตอัฟ ในซิลิคอน วัลเลย์ เนื่องจากวิกฤติสภาพคล่อง และการไม่ประสบความสำเร็จในการ ขายหุ้นเพื่อเพิ่มทุน เป็นผลให้ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เกิด ความผันผวนในตลาดเงิน ตลาดทุนทั่วโลกเป็นอย่างมาก
น.ส.ไตรศุลีได้ ระบุว่า ณ สิ้นปี 65 ธนาคารพาณิชย์ ไทยทั้งระบบ มีเครื่องชี้ฐานะทางการเงินในระดับสูง โดยมีเงิน กองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS ratio) ร้อยละ 19.4 สภาพ คล่อง (Liquidity Coverage ratio : LCR) สูงถึงร้อยละ 197.3 มีหนี้ด้อยคุณภาพ(NPL) ในระดับต่ำที่ร้อยละ 2.73 ratio) ขณะที่เงินสำรองต่อหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL Coverage สูงถึงร้อยละ 171.9 การให้สินเชื่อ และรับเงินฝากในภาพรวมมี การกระจายตัว ไม่กระจุกตัวในลูกค้ากลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง
ด้วยเหตุผลดังกล่าวได้สะท้อนให้เห็นถึงฐานะของสถาบันการเงิน ไทยทั้งระบบที่มีความแข็งแกร่ง ด้วยธนาคารแห่ง ประเทศไทย (ธปท.) มีการกำกับด้วยมาตรฐานที่เข้มงวด และ มาตรการการกำกับระบบสถาบันการเงินของไทยมีการปรับปรุง ให้ดูแลความเสี่ยงอย่างรอบด้าน รัดกุม มาตั้งแต่หลังวิกฤตปี 2540 ทำให้ในรอบ 20 กว่าปีที่ผ่านมา แม้มีวิกฤตการเงินโลก หลายครั้ง รวมถึงวิกฤตโควิด 19 แต่สถาบันการเงินของไทยทั้ง ธนาคารพาณิชย์และธนาคารของรัฐยังสามารถสนับสนุน เศรษฐกิจไทยได้ด้วยฐานะที่แข็งแกร่ง