ก.ล.ต.เผยกลไกการกํากับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัลไทย ให้เท่าทันความเสี่ยงการเงินโลก
จากสถานการณ์ทางการเงินของภาคการธนาคารในสหรัฐอเมริกาที่ผ่านมา แม้จะเกิดในสหรัฐอเมริกาแต่นักลงทุนไทยเองก็กังวลไม่น้อยกับผลกระทบในวงกว้างทางก.ล.ต.จึงได้เผยวิธีรับมือเพื่อเรียกควาใเชื่อมั่นของนักลงทุนไทย
ที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ออกหลักเกณฑ์กํากับดูแลเพื่อรองรับความเสี่ยงและการดําเนินธุรกิจของผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งการคุ้มครองผู้ลงทุนมาอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นส่วนสําคัญส่วนหนึ่งที่ช่วยรองรับ สถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล และสร้างความเชื่อมั่นว่าทรัพย์สินของ ผู้ลงทุนจะได้รับความคุ้มครองทางกฎหมายภายใต้การกํากับดูแลของ ก.ล.ต.
ธนาคารในสหรัฐอเมริกา ทําให้ธนาคาร 3 แห่ง ได้แก่ Silvergate Bank, Silicon Valley Bank (SVB) และ Signature Bank ประสบปัญหาสภาพคล่องทางการเงิน และ ทางการสหรัฐอเมริกาได้ประกาศปิดกิจการธนาคาร พร้อมทั้งมีมาตรการคุ้มครองเงินฝากและโครงการให้ กู้เสริมสภาพคล่อง โดยสถานการณ์ได้ส่งผลกระทบต่อ Stable Coin และศูนย์ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลของ สหรัฐอเมริกาด้วย ในปัจจุบัน สถานการณ์ในภาคการธนาคารมีแนวโน้มดีขึ้น โดยธนาคารบางแห่งสามารถ กลับมาดําเนินการกิจการได้ และธนาคารบางแห่งถูกขายกิจการให้กับธนาคารรายอื่น ตลอดจนมูลค่าของ หุ้นกลุ่มธนาคารทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว อย่างไรก็ดี หน่วยงานกํากับดูแลต่าง ๆ ยังคงติดตามสถานการณ์ดังกล่าว อย่างใกล้ชิด เพื่อเตรียมพร้อมรองรับสถานการณ์ทางการเงินได้อย่างเท่าทัน
#กลไกการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล
พระราชกำหนดการประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (พ.ร.ก.สินทรัพย์ดิจิทัลฯ) มีกลไกที่มุ่งเน้นให้ผู้ประกอบธุรกิจฯ มีฐานะทางการเงินที่มั่นคง เพียงพอ รองรับความเสี่ยง และสามารถให้บริการได้อย่างต่อเนื่อง โดยกำหนดในเรื่องของทุนจดทะเบียนและการดำรงเงินกองทุนสภาพคล่อง (NC) ให้เพียงพอและเหมาะสม รองรับความเสี่ยงในด้านต่าง ๆ ทั้งนี้ สิ่งที่ ก.ล.ต. ให้ความสำคัญซึ่งสอดคล้องกับเจตนารมณ์ที่สะท้อนอยู่ใน พ.ร.ก. สินทรัพย์ดิจิทัลฯ คือ การคุ้มครองทรัพย์สินของผู้ซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลได้อย่างเหมาะสมกับประเภทของธุรกิจ โดยผู้ประกอบธุรกิจฯ ต้องมีกลไกแยกทรัพย์สินของลูกค้า โดยจัดทำบัญชีทรัพย์สินของลูกค้าแต่ละรายแยกออกจากทรัพย์สินของผู้ประกอบธุรกิจฯ อย่างชัดเจน ซึ่งทรัพย์สินดังกล่าวจะได้รับความคุ้มครองตามกฎหมายจากเจ้าหนี้ของผู้ประกอบธุรกิจฯ หรือกรณีที่ผู้ประกอบธุรกิจฯ ล้มละลาย เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทรัพย์สินของลูกค้ายังคงเป็นทรัพย์สินของลูกค้าอยู่เสมอและไม่สามารถนำไปรวมเป็นทรัพย์สินของผู้ประกอบธุรกิจฯ ได้
นอกจากนี้ ก.ล.ต. ยังกำหนดให้ผู้ประกอบธุรกิจฯ แยกเก็บทรัพย์สินใน hot wallet และ cold wallet ตามสัดส่วนที่กำหนดเพื่อความปลอดภัย และเก็บไว้กับผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลที่มีความน่าเชื่อถือ รวมทั้งต้องเปิดเผยความเสี่ยงเพื่อให้ลูกค้ารับทราบ ทั้งนี้ เพื่อให้มั่นใจได้ว่าทรัพย์สินของลูกค้าได้รับความคุ้มครอง ซึ่งที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้มีการผลักดันให้เกิดใบอนุญาตผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล (custodial wallet provider) โดยเมื่อวันที่ 2 มีนาคม 2566 คณะกรรมการ ก.ล.ต. ได้มีมติเห็นชอบการทบทวนหลักเกณฑ์สำหรับผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลให้มีความยืดหยุ่นและเหมาะสมยิ่งขึ้น โดยผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัล ที่เป็นบริษัทจดทะเบียนและบริษัทย่อยในกลุ่มที่มีประสบการณ์เก็บรักษาทรัพย์สินของลูกค้า สามารถให้บริการแก่ผู้ประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ที่มีความเกี่ยวข้องกันในลักษณะที่มีผู้ถือหุ้นรายใหญ่ร่วมกัน) ได้ หากปฏิบัติตามเกณฑ์ความเป็นอิสระต่อกันตามที่กำหนด และยังสนับสนุนให้มีผู้ให้บริการรับฝากสินทรัพย์ดิจิทัลในประเทศไทยที่มีคุณภาพ เพื่อให้ทรัพย์สินของลูกค้าได้รับความคุ้มครองอย่างเต็มที่ตามกฎหมายของประเทศไทย
#แนวทางการปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้เท่าทันสถานการณ์
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา ก.ล.ต. ได้ติดตามพัฒนาการของตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลให้เท่าทันกับความเสี่ยงและสอดคล้องกับแนวทางการกำกับดูแลในต่างประเทศ และปัจจุบันมีผู้ประกอบธุรกิจฝั่งหลักทรัพย์สนใจเข้ามาให้บริการเกี่ยวกับสินทรัพย์ดิจิทัล อย่างไรก็ดี สินทรัพย์ดิจิทัลบางประเภทมีความผันผวนและมีความเสี่ยงสูงเมื่อเทียบเคียงกับสินทรัพย์ทางการเงินแบบดั้งเดิม (traditional assets) ก.ล.ต. จึงได้วางแนวนโยบายการกำกับดูแลการให้บริการสินทรัพย์ดิจิทัลของผู้ประกอบธุรกิจในฝั่งหลักทรัพย์ ตามระดับความเสี่ยงของสินทรัพย์ดิจิทัลที่ให้บริการ (risk-based supervision) ซึ่งเป็นการป้องกันความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นกับผู้ประกอบธุรกิจฯ และยังช่วยป้องกันมิให้ลูกค้าเกิดความสับสนในผลิตภัณฑ์ที่ให้บริการด้วย