เล่าเรื่องหน้าแคมป์ : ทำความเข้าใจ เงินดิจิทัล 10,000 บาท และ Blockchain กับกูรูคริปโตไทย
จากนโยบายพรรคเพื่อไทย Digital Wallet คนละ 10,000 บาท’ ภายในครึ่งปีแรกของปี 2567 ซึ่งจะใช้งบประมาณทั้งหมด 5.6 แสนล้านบาท โดนให้เป้าหมายไว้ว่าเพิ่มขนาดเค้กให้ใหญ่แล้วกระจายรายได้อย่างเท่าเทียม
โดยนโยบายดังกล่าวระบุไว้อีกว่า จะมีการสร้างโครงสร้างพื้นฐาน Blockchain และกำหนดเงื่อนไขในการใช้จ่ายให้อยู่ภายในรัศมี 4 กิโลเมตร
อ.ตั๊ม พิริยะ หรือ พิริยะ สัมพันธารักษ์ กูรูBitcoin ชาวไทยได้ให้ความเห็นว่า เงินมูลค่า 10,000 บาทที่จะแจกให้กับประชาชนนั้นไม่ใช่เงินบาท ไม่ใช่เงินดิจิทัลที่ออกโดยธนาคารแห่งประเทศไทย แต่จะเป็นโทเคนที่ทางพรรคเพื่อไทยในนามรัฐบาลเสกขึ้นมา แล้วใช้กฎหมายบอกว่ามันมีค่าเท่ากับ 1 บาท
และร้านค้านำเอาโทเคนนี้ไปแลกเงินได้กับผู้ให้บริการ ซึ่งอาจเป็นธนาคารหรือหน่วยงานของรัฐ โดยมีความหวังว่า ถ้าประชาชนไม่แลกและใช้ต่อไปเรื่อยๆ จะสามารถเก็บภาษีได้จากการใช้งาน และทำให้ไม่จำเป็นต้องแลกคืนได้ทั้งหมด นอกจากนั้นยังสามารถกำหนดได้ด้วยว่า กระเป๋าของใครสามารถนำไปขึ้นเงินสดได้และใครไม่สามารถขึ้นได้
ทั้งหมดคือผู้ออกเงินเพียงผู้เดียว และผู้ใช้งานทุกคนจะต้องขึ้นทะเบียนผู้ใช้งาน ฐานข้อมูลส่วนกลางจะต้องกำหนดว่าใครจะสามารถนำโทเคนเหล่านี้มาใช้ได้และใครไม่สามารถใช้ได้ และยังจำเป็นต้องรู้ตำแหน่งของแต่ละกระเป๋า เพื่อตรวจสอบรัศมีการใช้งานว่าผู้รับและผู้จ่ายมีภูมิลำเนาห่างกันเกิน 4 กิโลเมตรหรือไม่ ดังนั้น จึงไม่ใช่ Decentralized Blockchain แต่อย่างใด แต่จะต้องเป็น Token Digital ที่ควบคุมโดยส่วนกลาง ซึ่งอาจใช้เทคโนโลยี Public Key Infrastructure ในการจัดการโดยอัตโนมัติเพียงบางขั้นตอนเท่านั้น
ด้านเพจลุงเต่านั่งรถทุกคัน ก็ได้ให้ความเห็นในเรื่องนี้ไว้เช่นกัน โดยเฉพาะ Blockchain
โดยให้ความเห็นว่า Blockchain ไม่ได้เหมาะกับทุกธุรกิจ และไม่สามารถแก้ปัญหาได้ทุกอย่าง
การกำหนดระยะการใช้ 4 กิโลเมตร และต้องการเงื่อนไขใช้ภายในระยะเวลา 6 เดือน เงื่อนไขเหล่านี้การเขียน Smart Contract ทำได้ แต่อาจจะยุ่งยากเกินไป แนะไม่ต้องลง Smart Contract แต่การไปทำในแอปเลยจะสะดวกกว่า