กระทรวงการคลังของสหรัฐฯ ได้เตือนว่า รัฐบาลจะสามารถชำระค่าใช้จ่ายของรัฐบาลได้ถึงวันที่ 5 มิถุนายนนี้ หากไม่มีข้อตกลงขยายเพดานหนี้ และสหรัฐฯ จะผิดนัดชำระหนี้ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจประเทศและทั่วโลก

แต่แล้วไบเดนก็ทำสำเร็จเมื่อได้เจรจากับเควิน แม็คคาร์ธี ประธานสภาผู้แทนฯ สหรัฐฯ และบรรลุข้อตกลง แม้จะยังไม่มีเอกสารออกมาอย่างชัดเจน แต่เบื้องต้นจากคำสัมภาษณ์และสื่อนอกตีข่าว เป็นไปในทิศทางเดียวกันคือเพิ่มเพดานหนี้ของรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ 31.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ

เนื่องจากก่อนหน้านี้หลายคนกลัว หายนะทางเศรษฐกิจและการเงิน ที่จะส่งผลกระทบไปทั่วโลกทำให้การได้รับข่าวปรับเพดานหนี้นับเป็นข่าวดีกับตลาดในช่วงเวลานี้

แม้โจ ไบเดนและเควิน แม็คคาร์ธีได้ระบุว่าข้อตกลงเพื่อขยายเพดานหนี้บรรลุข้อตกลงเรียบร้อยแล้วและทำให้นักลงทุนคลายกังวลลงบ้าง แต่การเข้าสู่การพิจารณาลงมติจริงในสภาคองเกรส 31 พฤษภาคมนี้ยังเป็นอีกด่านที่ต้องฝ่า สมาชิกสภาหลายคนออกมาประกาศคัดค้านในเรื่องนี้ อาจจะทำให้ต้องกลายเป็นเรื่องลุ้นอีก1เรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นก็เป็นได้

กูรูหลายท่านยังมองว่าหากปรับขยายเพดานหนี้ สหรัฐฯ จะสามารถออกพันธบัตรเพื่อกู้เงินเพิ่มได้อีกหมายความว่าสหรัฐฯ จะดำเนินการดึงสภาพคล่องเงินดอลลาร์กลับคืน จึงย่อมกระทบต่อเงินทุนเคลื่อนย้ายในระบบ จากเดิมที่เคยไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงอย่างบิตคอยน์ แต่จะไหลกลับเข้าพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ นั่นไม่ใช่ผลดีของโลกคริปโต

แต่ถ้ามีการผิดนัดชำระหนี้ก็อาจกระทบความเชื่อมั่นเงินดอลลาร์ ส่งผลให้ความต้องการถือครองเงินสกุลดอลลาร์ลดลงเงินก็อาจจะไหลเข้าสินทรัพย์เสี่ยงได้