ภายหลังการล่มสลายของ FTX ทำให้ผู้คนหันมาสนใจ dYdX มากขึ้นจนทำให้มีผู้ใช้งานมากขึ้นถึง 39% ต่อวัน

ข้อมูลเชิงลึกที่สำคัญ(key Insights)

• การตัดสินใจของชุมชนที่จะเลิกใช้ Liquidity Stake Module (LSM) ทำให้การปล่อย DYDX ลดลง 2 ล้านดอลลาร์
• ผู้ใช้งานรายวันเพิ่มขึ้น 39% หลังจากการล่มสลายของ FTX
• การแก้ไขกำหนดการให้สิทธิ์ขยายการล็อคโทเค็น DYDX 150 ล้านรายการ
• Open interest (OI) เพิ่มขึ้น 43% ในไตรมาสที่ 4
• Liquidation volumesลดลง 50% ในไตรมาสที่ 4 หลังจากลดลง 43% ในไตรมาสที่ 3
• เงินฝากสุทธิแกว่งตัว 1 ล้านดอลลาร์หลังจากการล่มสลายของ FTX โดยมีเงินฝากสุทธิรวม 7.3 ล้านดอลลาร์หลังจากนั้น

Primer บน dYdX

โปรโตคอล dYdX ดำเนินการแลกเปลี่ยนอนุพันธ์บนเครือข่าย StarkEx Layer-2 (L2) การแลกเปลี่ยนแบบกระจายอำนาจแบบไฮบริดนำเสนอสัญญาฟิวเจอร์สแบบไม่จำกัดเวลา คล้ายกับที่พบใน Binance และการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์อื่น ๆ ในที่สุด dYdX Trading Inc. ก็หวังว่าจะสร้างการแลกเปลี่ยนอนุพันธ์แบบกระจายศูนย์อย่างเต็มที่ ซึ่งไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง รวมถึงทีมด้วยกันเอง สามารถอ้างสิทธิ์เหนือการดำเนินการขั้นพื้นฐานของโปรโตคอลได้

ในช่วงซัมเมอร์ปี 2017 Antonio Juliano อดีตวิศวกรของ Coinbase ได้ก่อตั้ง dYdX สองผลิตภัณฑ์แรกของโปรโตคอลคือ Expo และ Solo ถูกสร้างขึ้นสำหรับการซื้อขายมาร์จิ้นบน Ethereum หลังจากเห็นการระเบิดของการซื้อขาย perp บน Bitmex ในปี 2019 dYdX ตัดสินใจที่จะเป็นโปรโตคอล DeFi ตัวแรกที่ให้บริการซื้อขาย perp การเปิดตัว perps สำหรับโทเค็นหลัก เช่น BTC และ ETH ได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในหมู่ลูกค้าที่ต้องการใช้มาร์จิ้น ความสะดวกในการใช้งานได้รับการปรับปรุงเพิ่มเติมด้วยการเพิ่มการเปิดตัว StarkEx L2 rollupsในปี 2021

ในไตรมาสที่ 2 ปี 2022 dYdX ได้ประกาศ V4 ของโปรโตคอล dYdX และการเปลี่ยนจาก StarkEx ไปเป็นบล็อกเชนดั้งเดิมของตนเองที่เรียกว่า dYdX Chain ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของความพยายามในการกระจายอำนาจอย่างเต็มที่

ตัวชี้วัดที่สำคัญ (Key Matrics)

การวิเคราะห์ประสิทธิภาพ (Performance Analysis)

แม้ว่ารายรับจะลดลงอย่างมากจาก 22.4 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 3 เป็น 15.5 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4 แต่โปรโตคอลก็มีการเปลี่ยนแปลงในเชิงบวกในรายได้สุทธิ การขาดทุนดีขึ้น 14% จาก 9.2 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 3 เป็น 7.9 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4 การปรับปรุงเป็นผลจากการตัดสินใจของชุมชนที่จะเลิกใช้โมดูลการเดิมพันสภาพคล่อง (LSM) เมื่อสิ้นสุดไตรมาสที่ 3 การตัดสินใจนี้นำไปสู่การลดผลตอบแทนเงินเฟ้อ ซึ่งมีมูลค่ารวม 2 ล้านดอลลาร์ในไตรมาสที่ 4

โดยรวมแล้วในปี 2022 โปรโตคอลสร้างรายได้ 128.1 ล้านดอลลาร์และจ่ายรางวัล 197.3 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ขาดทุนสุทธิรวม 69.3 ล้านดอลลาร์ ในขณะที่ 65% ของการขาดทุนมาจากไตรมาสที่ 1 โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพียง 42% ของรายได้ที่มาจากไตรมาสที่ 1 ซึ่งบ่งชี้ว่าชุมชนสามารถลดค่าใช้จ่ายได้เร็วกว่ารายได้ที่ลดลง ( แม้ว่ารายได้จะยังคงไปที่การซื้อขาย dYdX ในขณะที่ต้นทุน วัดได้จากการเจือจาง DYDX ซึ่งจัดสรรโดย dYdX Foundation ระหว่างการเปิดตัวโทเค็น ) การขอรับรางวัลที่เพิ่มขึ้นนั้นขึ้นอยู่กับกำหนดการของยุค ทำให้สามารถสะสมรางวัลได้ทุกๆ 28 วันโดยประมาณ

ในไตรมาสที่ 4 dYdX มีปริมาณลดลง 33% เมื่อเทียบกับไตรมาสต่อไตรมาส  โดยลดลงจาก 91.6 ล้านดอลลาร์เป็น 61.4 ล้านดอลลาร์ นอกจากนี้ ส่วนแบ่ง BTC และ ETH ของปริมาณทั้งหมดลดลงจาก 87% เป็น 83% โดยปริมาณ Doge ที่เพิ่มขึ้นคิดเป็น 48% ของส่วนต่าง เหตุการณ์ที่ทำให้ Volumme เพิ่มขึ้นอย่างมากในไตรมาสที่ 4 โดยเกี่ยวกับการล่มสลายของ FTX ทำให้เกิดvolume เพิ่มขึ้นถึง18% ของทั้งหมดในไตรมาสที่4 เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 พฤศจิกายน

ในไตรมาสที่ 4 dYdX มีจำนวนการเทรดเฉลี่ยลดลง 10%  และผู้ใช้ที่ใช้งานรายวัน (daily active users ) เฉลี่ยลดลง 2% ตัวชี้วัดทั้งสองนี้คือจุดต่ำสุดประจำปีในเดือนตุลาคม ซึ่งส่งผลเสียต่อตัวเลข Q4 โดยรวม

การใช้งานโปรโตคอลของ DYDX ได้รับอิธิพลจากการล่มสลายของ FTX โดยเฉพาะอย่างยิ่ง การใช้งานเริ่มเพิ่มขึ้นประมาณหนึ่งสัปดาห์ก่อนที่ปริมาณที่เพิ่มขึ้นจะเริ่มขึ้นในวันที่ 8 พฤศจิกายน ตั้งแต่วันที่ 31 ตุลาคมถึง 7 พฤศจิกายน มีการเพิ่มขึ้น 25% ในค่าเฉลี่ยเคลื่อนที่เจ็ดวันของผู้ใช้งานรายวัน และเพิ่มขึ้น 18% ในจำนวน ของการซื้อขาย

เมื่อหักลบสี่วัน (8-11 พฤศจิกายน) ของปริมาณที่เพิ่มขึ้นในไตรมาสที่ 4 และเปรียบเทียบช่วงเวลาก่อนและหลังพบว่า ผู้ใช้งานรายวันเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 41% และจำนวนเฉลี่ยของการซื้อขายรายวันเพิ่มขึ้น 36% ซึ่งบ่งชี้ถึงเชิงบวก แนวโน้มการรักษาผู้ใช้

หลังจากเกิดการถอนเงิน 597 ล้านดอลลาร์ออกจากแพลตฟอร์มระหว่างไตรมาสที่ 2 ถึงไตรมาสที่ 3 dYdX มีเงินฝากสุทธิในไตรมาสแรกตั้งแต่ไตรมาสที่ 1 รวมเป็นเงิน 455,000 ดอลลาร์ เมื่อแยกไทม์ไลน์ก่อนการล่มสลายของ FTX และหลังจากนั้น พบว่ามีการสวิงตัว 14.1 ล้านดอลลาร์ โดยมีเงินฝากสุทธิรวม – 6.8 ล้านดอลลาร์ก่อนและ 7.3 ล้านดอลลาร์

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เงินฝากสุทธิประจำไตรมาสอยู่ที่ 49 ล้านดอลลาร์ จนกระทั่งวาฬตัวหนึ่งถอนเงิน 44 ล้านดอลลาร์ในวันที่ 20 ธันวาคม ดังที่แสดงไว้จากการพุ่งขึ้นสูงด้านบน เมื่อมองอย่างใกล้ชิดที่กระเป๋าเงิน เผยให้เห็นที่อยู่ถอนเงินรวม 95 ล้านดอลลาร์ในปี 2022 และมีเงินฝากสุทธิ 14 ล้านดอลลาร์จนถึงตอนนี้ในเดือนมกราคม 2023

Open interest (OI) เพิ่มขึ้น 43% ในรูปสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐฯ ในไตรมาสที่ 4 ในแง่ของสัญญา BTC OI เพิ่มขึ้น 120% ในขณะที่ ETH OI เพิ่มขึ้น 59% สินทรัพย์อื่นๆ เช่น BCH, XMR, YFI และ ZEC มี OI ลดลง 50% หรือมากกว่านั้น ในทางกลับกัน ALGO, ENJ, EOS, FIL, ICP, NEAR, SOL, TRX, XTZ และ ZRX เข้าร่วม BTC โดยเพิ่มขึ้นอย่างน้อย 100% ในแง่ของสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ICP OI เพิ่มขึ้นมากที่สุดที่ 336% ในขณะที่ SOL OI มีเงื่อนไขสัญญาเพิ่มขึ้นสูงสุดที่ 709% เนื่องจากราคาลดลง 70% ในไตรมาสนี้

ในไตรมาสที่ 4 เสถียรภาพโดยรวมของราคาสินทรัพย์ส่งผลให้ปริมาณการโดนLiquidations ลดลง 50% ซึ่งเป็นไปตามการลดลง 43% ในไตรมาสที่ 3 ส่งผลให้ปริมาณการชำระบัญชีในไตรมาสที่ 4 เหลือเพียง 29% ของปริมาณในไตรมาสที่ 2 ส่วนแบ่งการชำระบัญชี BTC เพิ่มขึ้นจาก 14% เป็น 19% ในขณะที่ส่วนแบ่ง Ethereum ลดลงจาก 64% เป็น 52% โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ปริมาณการโดนLiquidations สำหรับ 1INCH, ALGO, DOGE, LTC, SUSHI และ TRX ทั้งหมดเพิ่มขึ้นมากกว่า 100% และคิดเป็น 30% ของปริมาณการชำระบัญชีทั้งหมดในไตรมาสที่ 4 เทียบกับ 15% ในไตรมาสที่ 3

หลังจากการชะลอตัวเล็กน้อยในเดือนกันยายนและตุลาคม ส่วนแบ่งของ dYdX ในตลาดถาวรของ BTC เพิ่มขึ้นอย่างมากหลังจากการล่มสลายของ FTX ตลอดช่วงเวลาที่เหลือของปี ส่วนแบ่งค่าเฉลี่ย 28 วันของโปรโตคอลของตลาด BTC perp ยังคงมีแนวโน้มสูงขึ้น โดยเติบโตจาก 0.8% เป็น 1.5% ผู้เล่นหลักรายอื่น ๆ ก็มีประสบการณ์เพิ่มขึ้นในส่วนแบ่งตลาด BTC perp ส่วนแบ่งของ Binance เพิ่มขึ้นจาก 50% เป็น 69%, Okex จาก 10% เป็น 13% และ ByBit จาก 13% เป็น 17% โดยเฉลี่ยแล้ว แพลตฟอร์มทั้งสามนี้ได้รับส่วนแบ่งการตลาดก่อนหน้านี้ 33% ในขณะที่ dYdX เติบโต 95% ของส่วนแบ่งก่อนหน้านี้ อย่างไรก็ตาม ส่วนแบ่งของ dYdX ในตลาดทั้งหมดยังคงค่อนข้างน้อยเมื่อเทียบกับผู้เล่นรายอื่นเหล่านี้

ในไตรมาสที่ 3 dYdX สามารถรักษาส่วนแบ่งการตลาดของการซื้อขายถาวร ETH ได้เนื่องจากปริมาณเพิ่มขึ้น ซึ่งน่าจะเกิดจากความไม่แน่นอนที่นำไปสู่การควบรวมกิจการ สิ่งนี้แสดงให้เห็นถึงความสามารถของโปรโตคอลในการแข่งขันกับอัตราการระดมทุนของการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์ที่ใหญ่ที่สุด และน่าจะยืนยันว่า dYdX เป็นทางเลือกที่เป็นไปได้สำหรับเทรดเดอร์ในขณะนั้น และสำหรับเทรดเดอร์ที่จะได้รับผลกระทบโดยตรงหรือโดยอ้อมจาก FTX และการแลกเปลี่ยนแบบรวมศูนย์อื่นๆ ในภายหลัง เมื่อเทียบเป็นรายไตรมาส ส่วนแบ่งการตลาดของ dYdX ยังคงที่ 2.1% อย่างไรก็ตาม เมื่อแยกไทม์ไลน์ไตรมาสที่ 4 ไปจนถึงหลัง FTX ล่มสลาย ส่วนแบ่งการตลาดเพิ่มขึ้นเป็น 2.6% ซึ่งแสดงถึงความไว้วางใจในโปรโตคอลเพื่อมอบสภาพแวดล้อมการซื้อขายที่เชื่อถือได้และมีเสถียรภาพสำหรับผู้ใช้ แม้ในช่วงเวลาที่ไม่แน่นอน