เมื่อวันที่ 9 มีนาคมที่ผ่านมา Silvergate Capital Corporation ได้ออกประกาศว่าพวกเขาตัดสินใจที่จะยุติการดำเนินงานของธนาคาร Silvergate หลังเปิดให้บริการมา 35 ปี แล้วมันเกิดอะไรขึ้นกับหนึ่งในธนาคารที่เป็นมิตรกับคริปโตมากที่สุดในโลกจากแคลิฟอร์เนียแห่งนี้กัน ?

Silvergate Bank ได้เริ่มเข้าสู่ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัลตั้งแต่ปี 2013 ในขณะที่ธนาคารอื่นในช่วงเวลานั้นยังไม่กล้าที่เข้าสู่สนามนี้ เนื่องจากกังวลเกี่ยวกับความเสี่ยงของคริปโตเคอร์เรนซี ทำให้ Silvergate เป็นเพียงธนาคารไม่กี่แห่งในสมรภูมิแห่งนี้

ด้วยความที่มีคู่แข่งน้อย ทำให้ Silvergate กลายเป็นธนาคารชั้นนำในส่วนที่เกี่ยวข้องกับสกุลเงินดิจิทัล และพวกเขาก็ได้ปล่อยผลิตภัณฑ์ที่เรียกได้เวลาเป็น Game Changer ออกมาในปี 2018 คือ Silvergate Exchange Network (SEN) ซึ่งเป็นเครือข่ายการชำระเงินที่ช่วยให้ผู้ใช้สามารถโอนเงินแลกเปลี่ยนระหว่างสกุลเงินเฟียตกับสกุลเงินดิจิทัลได้แทบจะในทันที ทำให้ทั้งนักลงทุนรายย่อย และกลุ่มสถาบันสามารถเข้าถึงคริปโตได้ง่ายขึ้น

ถึงแม้ทุกอย่างเหมือนจะดูไปได้สวยเพราะ Crypto Bull Run ในปี 2021 แต่พอเข้าสู่ปี 2022 ทุกอย่างก็เหมือนจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น เพราะตั้งแต่เข้าสู่ช่วงตลาดหมี บรรดาบริษัทหรือกองทุนเกี่ยวกับคริปโต ก็เจอกับปัญหาขาดทุนอย่างหนัก ไล่มาตั้งแต่การล่มสลายของ Terra จนทำให้ BlockFi, 3AC และอีกหลายๆ แห่งต้องล้มละลาย และปิดท้ายด้วยการล้มละลายของลูกค้าคนสำคัญอย่าง FTX ที่กลายเป็นตัวแปรสำคัญที่ทำให้ Silvergate ถึงจุดจบ

ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2022 ที่ผ่านมา Silvergate รายงานผลการขาดทุนที่กว่า 1,000 ล้านดอลลาร์ เนื่องจากนักลงทุนทำการแห่เข้ามาถอนเงิน เพราะความกังวลหลังจากที่ FTX ประกาศล้มละลาย และได้มีการประกาศเลิกจ้างพนักงานกว่า 40% ในเดือนมกราคม

เท่านั้นยังไม่พอ เมื่อต้นเดือนมีนาคม Silvergate ได้ขอเลื่อนการส่งรายงานประจำปีไปยังคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (SEC) และทำการประเมินความสามารถในการดำเนินงาน

และท้ายที่สุด เมื่อวันพุธที่ 8 มีนาคม Silvergate Captial Corporation ก็ได้ประกาศยุติการดำเนินกิจการเกี่ยวกับธนาคาร และประกาศชำระบัญชีโดยสมัครใจ เพื่อคืนสินทรัพย์และเงินฝากให้กับลูกค้าแบบเต็มจำนวน เป็นการปิดฉากระยะเวลาการดำเนินการกว่า 35 ปีของธนาคารที่เป็นมิตรกับคริปโตมากที่สุดในโลก