เล่าเรื่องหน้าแคมป์ : ทำไมเด็กมัธยมถึงเลือกลงทุนได้ดีกว่า ผู้จัดการกองทุน?

เล่าเรื่องหน้าแคมป์ : ทำไมเด็กมัธยมถึงเลือกลงทุนได้ดีกว่า ผู้จัดการกองทุน?

เรื่องเล่าหน้าแคมป์
June 20, 2023 by Cryptocamping
Frame 1015 (10)

ถอดมุมมองของเด็กมัธยมในการเลือกลงทุนเพื่อให้ผลตอบแทนสูง โดยย้อนกลับไปในปี 1990-1991 มีกลุ่มเด็กนักเรียนชั้นมัธยมในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำผลกำไรได้สูงถึง 70% เอาชนะผู้จัดการกองทุนกว่า 90% ของทั้งประเทศได้

ย้อนกลับไปในปี 1990-1991 มีกลุ่มเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้นจากโรงเรียนแห่งหนึ่ง ในประเทศสหรัฐอเมริกา ทำผลกำไรได้สูงถึง 70% เอาชนะผู้จัดการกองทุนกว่า 90% ของทั้งประเทศได้ ไม่เพียงเท่านี้ในเวลาเดียวกัน ดัชนี S&P 500 ทำผลตอบแทนได้เพียง 26% เท่านั้น

ความหมายคือ กลุ่มเด็กมัธยมเหล่านั้นสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูง จนสามารถเอาชนะดัชนีของตลาดหุ้นได้ นี่ไม่ใช่เรื่องที่ไม่ง่าย

โดยเด็กมัธยมเหล่านี้มาจาก “โรงเรียนเซนต์แอ็กเนส” ซึ่งจุดเริ่มต้นที่ทำให้ต้องมาเรียนรู้แง่มุมของเด็กมัธยมเหล่านั้นเกิดจากคุณโจแอน มอร์ริสซีย์ คุณครูของโรงเรียนเซนต์แอ็กเนส ที่อยากพิสูจน์ว่า คนธรรมดาทั่วไป ก็สามารถลงทุนในหุ้น แล้วสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ จึงได้เริ่มทำการทดสอบกับเด็กนักเรียนชั้นมัธยมต้น ในชั้นเรียนที่คุณโจแอนกำลังสอนอยู่

คุณครูโจแอนจะใช้วิธีในการพิสูจน์ เรื่องนี้โดยแบ่งนักเรียนทุกชั้นปี ออกเป็น 4 ทีม แล้วจำลองสถานการณ์ ให้แต่ละทีม นำเงินประมาณ 8,000,000 บาท ไปลงทุนหุ้นในตลาดสหรัฐอเมริกา แล้วสุดท้าย ค่อยมาวัดผล ว่าทีมไหนได้ผลตอบแทนสูงสุด

ก่อนที่เด็กนักเรียนเหล่านี้จะเริ่มลงทุนกันนั้น คุณโจแอนก็ได้ให้คำแนะนำแก่นักเรียน อยู่ 2 ข้อคือ 1.ให้รู้จักเริ่มอ่านหนังสือพิมพ์ด้านการเงิน และ 2.สอนการวิเคราะห์ปัจจัยพื้นฐานของบริษัท และให้นักเรียนตรวจสอบความสามารถในการทำกำไร และจุดแข็งของแต่ละบริษัท ไม่เพียงเท่านี้คุณครูโจแอนยังสอนให้แต่ละกลุ่มรู้จักที่จะพูดคุย แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันอย่างสม่ำเสมอ ก่อนจะเลือกซื้อหุ้นด้วย

สำหรับการบริหารพอร์ตนั้น คุณโจแอนแนะนำว่า ควรจะมีหุ้นอย่างน้อย 10 บริษัท และจะต้องมีสัก 2 บริษัทที่จ่ายเงินปันผลได้ค่อนข้างดี

จากข้อมูลสามารถสรุปหลักการลงทุนของโรงเรียนเซนต์แอ็กเนส ออกมาง่าย ๆ ได้ดังนี้

1. ลงทุนในสิ่งที่เข้าใจ และต้องสามารถอธิบายออกมาให้คนอื่นเข้าใจได้เหมือนกัน คุณโจแอน แนะนำนักเรียนในขั้นแรกว่า ก่อนที่จะเลือกซื้อหุ้นตัวใดตัวหนึ่ง เข้าไปอยู่ในพอร์ตนั้นต้องเข้าใจในตัวธุรกิจที่บริษัททำ อย่างถ่องแท้ และต้องสามารถอธิบายรูปแบบธุรกิจของบริษัทนั้น ให้เพื่อน ๆ เข้าใจได้ด้วยเช่นกัน ถ้าหากไม่เข้าใจและไม่สามารถอธิบายรูปแบบธุรกิจของบริษัท ให้เพื่อนเข้าใจได้ ก็จะไม่ได้รับอนุญาตให้ซื้อหุ้นตัวนั้น

ตัวอย่างหุ้นของบริษัทที่เด็กนักเรียนเข้าใจ และเลือกลงทุน ก็มีตัวอย่างเช่น Nike เพราะรองเท้าของ Nike เป็นที่นิยมของเด็กวัยรุ่น, Walt Disney เพราะนักเรียนชอบดูการ์ตูนของ Disney หรือPentech เพราะนักเรียนใช้ปากกาที่ผลิตโดยบริษัทนี้

2. มีการกระจายความเสี่ยงอย่างสม่ำเสมอ มีการกระจายหุ้นที่จะลงทุนไปในหลากหลายบริษัท ที่ทำธุรกิจที่แตกต่างกัน เพื่อช่วยลดความเสี่ยง จากการลงทุนแบบกระจุกตัวในบริษัทใดบริษัทหนึ่ง ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน นอกจากนี้ในพอร์ตก็จะประกอบไปด้วย หุ้นของบริษัทที่จ่ายเงินปันผลค่อนข้างสูง อยู่สัก 2 บริษัท เพื่อช่วยสร้างรายได้แบบ Passive Income ให้กับนักลงทุน

3. ลงทุนหุ้นในระยะยาว ในธุรกิจที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน คุณเบนจามิน เกรแฮม ผู้ที่ได้รับการยกย่องให้เป็น บิดาแห่งการลงทุนแบบเน้นคุณค่า เคยกล่าวไว้ว่า ในระยะสั้น ตลาดหุ้นคือเครื่องลงคะแนนเสียง แต่ในระยะยาว ตลาดหุ้นคือเครื่องชั่งน้ำหนัก หรือก็คือ ในระยะสั้น หุ้นจะมีความผันผวนมาก แต่ในระยะยาวแล้ว มูลค่าที่แท้จริงของบริษัท จะสะท้อนมาจากผลประกอบการที่บริษัททำได้ในระยะยาว ดังนั้น การลงทุนที่ดีเพื่อสร้างความมั่งคั่ง จึงควรเลือกลงทุนแบบระยะยาว ในหุ้นของบริษัทที่มีความสามารถในการแข่งขันอย่างยั่งยืน มีหนี้สินที่น้อย และมีศักยภาพในการเติบโตทั้งรายได้และกำไรสูง

ยิ่งในตลาดคริปโตฯแล้วค่อนข้างผันผวนสูง การลงทุนตามกระแส หรือการถอดสมองลงทุนเป็นสิ่งที่จะต้องระมัดระวัง หรือหากจะเลือกลงทุนกับสิ่งใดก็ควรศึกษาให้เข้าใจก่อนการลงทุน

Related posts